ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok และ Douyin พบกับปัญหาใหม่ก็คือรายได้ในประเทศจีนเริ่มชะลอตัวลง ซึ่งในปี 2022 ที่ผ่านมารายได้รวมเติบโตเหลือแค่ 25% เท่านั้น ส่งผลทำให้บริษัทต้องเร่งหารายได้จากต่างแดนมาเพิ่มเติม
The Information รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok รวมถึง Douyin ที่ให้บริการในประเทศจีนนั้นกำลังประสบปัญหารายได้ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในปี 2022 ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันบริษัทก็ได้โฟกัสธุรกิจนอกประเทศจีนเพื่อที่จะหารายได้ทดแทนในส่วนของแดนมังกรที่เริ่มมีความไม่แน่นอนเพิ่มสูงขึ้น
รายได้จากในประเทศจีนของ ByteDance ในปี 2022 ที่สื่อรายดังกล่าวรายงานอยู่ที่ราวๆ 69,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตเพียงแค่ 25% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าลดลงอย่างมาก โดยในปี 2021 นั้นรายได้บริษัทเติบโต 68% ขณะที่ในปี 2020 เติบโตมากถึง 105% และ 150% ในปี 2019
การชะลอตัวของรายได้ในประเทศจีนในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ในปี 2023 นี้บริษัทต้องโฟกัสที่แพลตฟอร์มนอกประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็น TikTok หรือแม้แต่บริการอื่นๆ ที่บริษัทได้เปิดตัวในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นตลาดในสหรัฐอเมริกาที่แม้ว่าบริษัทจะเจอความเสี่ยงในเรื่องปัญหาด้านความมั่นคงก็ตาม
นอกจากนี้ยังรวมถึงตลาดในอาเซียนที่ ByteDance มองเป็นเป้าหมายสำคัญของบริษัท โดยเฉพาะการผลักดัน TikTok Shop เนื่องจากการเติบโตทางด้านการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในประเทศอินโดนีเซียนั้น GMV ของ TikTok Shop ในไตรมาส 1 ของปี 2023 นี้ทำยอดได้เกิน 2,500 ล้านเหรียญแล้ว
และยังรวมถึงบริการสตรีมมิ่งเพลง TikTok Music ที่บริษัทได้เปิดตัวในอินโดนีเซีย บราซิล เพื่อที่จะหาลูกค้าและรายได้เพิ่มเติม
ในปี 2022 ที่ผ่านมารายได้รวมของ ByteDance อยู่ที่ 85,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 38% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยรายได้ในประเทศจีนยังถือว่าเป็นสัดส่วนสำคัญถึง 80% ของรายได้รวมบริษัท แต่สัดส่วนรายได้จากธุรกิจในต่างประเทศของบริษัทเติบโตมากถึง 2 เท่าในปีที่ผ่านมา
ขณะที่ตัวเลขผู้ใช้งานต่อวันในปี 2022 ที่ผ่านมา Douyin มีผู้ใช้งานต่อวันมากถึง 850 ล้านราย ทางด้านของ TikTok ล่าสุดอยู่ที่ 840 ล้านราย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเริ่มสูสีกันมากขึ้น จึงเป็นคำตอบว่าทำไมบริษัทเริ่มหันมาโฟกัสกับรายได้นอกประเทศจีน รวมถึงตลาดในสหรัฐอเมริกา แม้จะมีความเสี่ยงก็ตาม