-
“AirJapan” สายการบินโลว์คอสต์ในเครือ ANA Holdings เตรียมบินเที่ยวปฐมฤกษ์เส้นทาง กรุงเทพฯ – โตเกียว วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567
-
ช่วงเปิดตัวมุ่งเป้าเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยสู่ญี่ปุ่น คาดมีผู้โดยสารไทย 70% และวางเป้าอัตราผู้โดยสารต่อเที่ยว (Load Factor) ถึง 80% ตั้งแต่ช่วงแรก
-
ถือเป็นการชิงตลาดกับ “ZIPAIR” โลว์คอสต์ในเครือ Japan Airlines (JAL) คู่แข่งโดยตรงที่เปิดตัวไปเมื่อ 3 ปีก่อน
“มิเนะกุจิ ฮิเดกิ” ประธานสายการบิน แอร์เจแปน (AirJapan) ในเครือ ANA Holdings แถลงเปิดตัวสายการบินและรายละเอียดก่อนการบินเที่ยวปฐมฤกษ์อย่างเป็นทางการ
โดย AirJapan ถือเป็นสายการบินโลว์คอสต์ (LCC) ขณะนี้เปิดตัวเส้นทางแรกที่จะทำการบินคือ “กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – โตเกียว (นาริตะ)” วางกำหนดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ 10 กุมภาพันธ์ 2567 ระยะแรกจะทำการบิน 6 เที่ยวบินต่อสัปดาห์
เครื่องบินที่ใช้จะเป็น Boeing 787-8 จำนวน 324 ที่นั่ง เป็นที่นั้งชั้นประหยัดทั้งหมด แต่มีให้เลือกแพ็กเกจในการจองตั๋วโดยสารเป็น 3 ระดับ ได้แก่
- Simple ไม่โหลดกระเป๋า ไม่เลือกที่นั่ง ไม่รับอาหารบนเครื่อง เริ่ม 4,350 บาท/เที่ยว
- Standard โหลดกระเป๋าได้ 23 กิโลกรัม เลือกที่นั่งได้ ไม่รับอาหารบนเครื่อง เริ่ม 5,450 บาท/เที่ยว
- Selected โหลดกระเป๋าได้ 23 กิโลกรัม เลือกที่นั่งได้ เลือกอาหารระหว่างเที่ยวบินได้ เริ่ม 6,720 บาท/เที่ยว
มุ่งเป้าผู้โดยสาร “ไทย” บินเที่ยวญี่ปุ่น
ฮิเดกิกล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ ANA Holdings มีสายการบินในเครือที่เป็นโลว์คอสต์อยู่ก่อนแล้วคือ Peach Air ซึ่งจับกลุ่มตลาดบินระยะใกล้ เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน จีน ฮ่องกง รวมถึงทำการบินเข้าไทยในเส้นทาง กรุงเทพฯ – โอซาก้า และ กรุงเทพฯ – โอกินาว่า ด้วย
ส่วนการเปิดตัว AirJapan เป็นสายการบินโลว์คอสต์แห่งที่สองในเครือ ฮิเดกิมองว่าจะเข้ามาเติมช่องว่างตลาดโลว์คอสต์ในการบินระยะกลางและระยะไกล โดยบริษัทเลือกเปิดเส้นทางไทย-ญี่ปุ่นก่อนเพราะนักท่องเที่ยวชาวไทยนั้นเป็นกลุ่มสัญชาติที่เข้าสู่ญี่ปุ่นมากเป็นอันดับ 6
ฮิเดกิตั้งเป้าว่า AirJapan จะมีอัตราผู้โดยสารต่อเที่ยว (Load Factor) แตะ 80% ได้ตั้งแต่ช่วงแรกที่เปิดตัว เนื่องจากกระแสการท่องเที่ยวของชาวไทยไปญี่ปุ่นกลับมาเติบโตขึ้นเรื่อยๆ หลังเปิดพรมแดน
คาดว่าสัดส่วนผู้โดยสารบนเครื่องจะเป็นชาวไทย 70% และชาวญี่ปุ่น 30% เหตุที่คนไทยน่าจะมีสัดส่วนมากกว่า เพราะฝั่งชาวญี่ปุ่นเองยังไม่นิยมออกท่องเที่ยวต่างประเทศมากนักจากปัญหาค่าเงินเยนอ่อนตัว ทำให้การเที่ยวต่างประเทศจะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
สำหรับแผนในอนาคตของ AirJapan ฮิเดกิแย้มว่าจะมีการเพิ่มเส้นทางกรุงเทพฯ กับภูมิภาคคันไซของญี่ปุ่น และจะเชื่อมเส้นทางโตเกียวเข้ากับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนต่อไป
เส้นทางไทย-ญี่ปุ่นแข่งดุ
ตลาดการแข่งขันโลว์คอสต์ในเส้นทางไทย-ญี่ปุ่นนั้นเข้มข้นขึ้นหลังโควิด-19 เพราะเดิมสายการบินที่ครองตลาดกลุ่มนี้คือ “ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์” ซึ่งมี 3 เส้นทางบิน คือ กรุงเทพฯ – โตเกียว, กรุงเทพฯ – โอซาก้า และ กรุงเทพฯ – ซับโปโร
แต่หลังจากผ่านโควิด-19 มีสายการบิน LCC อื่นเปิดบินตรงมากขึ้น เช่น “ไทยเวียตเจ็ท” เปิดเส้นทาง กรุงเทพฯ – ฟุกุโอกะ และ เชียงใหม่ – โอซาก้า รวมถึงสายการบินญี่ปุ่น “ZIPAIR” ในเครือ Japan Airlines (JAL) ก็เริ่มเปิดเส้นทาง กรุงเทพฯ – โตเกียว มาตั้งแต่ปี 2563
- ZIPAIR มาแล้ว! เตรียมเริ่มบินเส้นทางกรุงเทพฯ – นาริตะ 28 ตุลาคม นี้ บินไป ไม่มีกลับ
- ครึ่งปีแรก 2566 “ไทยเวียตเจ็ท” รายได้พุ่ง 103% ลดการ “ดีเลย์” เที่ยวบินตรงเวลาเพิ่มเป็น 82%
หากมองในแง่สัญชาติของสายการบิน จึงทำให้ AirJapan เป็นการชนตลาดกับคู่แข่งทางตรงคือ ZIPAIR
ฮิเดกิกล่าวถึงประเด็นการแข่งขันที่เข้มข้นนี้ว่า เขาเชื่อว่าแม้ตลาดจะแข่งขันสูงแต่ดีมานด์ก็สูงด้วยเช่นกัน เพราะญี่ปุ่นยังคงเป็นประเทศยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไทย และ AirJapan จะแข่งขันด้วย 3 ไฮไลต์สำคัญ คือ
1.ความกว้างของพื้นที่วางขา (Leg Room) กว้าง 31.6 นิ้ว (*ถือเป็นความกว้างที่ใกล้เคียงกับสายการบินฟูลเซอร์วิสซึ่งมักจะมี Leg Room กว้าง 32-34 นิ้ว)
2.อาหารเสิร์ฟระหว่างเที่ยวบิน มีให้เลือกถึง 13 รายการ เช่น ชุดปลาแซลมอนย่าง ชุดซูชิโอมากาเสะ ชุดข้าวสวยพร้อมไก่ย่างถ่านและไข่นุ่ม
3.การบริการที่ใส่ใจและปราณีตในแบบชาวญี่ปุ่น
“การท่องเที่ยวระหว่างไทย–ญี่ปุ่นจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เป็นตลาดที่กำลังเติบโตและเราจะโตไปพร้อมกับตลาด เชื่อว่าเราสามารถแข่งขันในเส้นทางนี้ได้” ฮิเดกิกล่าวปิดท้าย