สัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าใน 23 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ รวมถึงไทยเกิน 5% แล้ว นักวิเคราะห์ชี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่คนจะหันมาใช้จำนวนมากหลังจากนี้ เปรียบเหมือนกับความนิยมของเตาไมโครเวฟในอดีต ที่ใช้เวลาหลายปีจนทุกบ้านต้องมีเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นนี้
สำนักข่าว Bloomberg รายงานสัดส่วนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า 23 ประเทศรวมถึงประเทศไทยว่าล่าสุดมีสัดส่วนมากกว่า 5% แล้ว โดยประเทศที่มีสัดส่วนผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเกิน 5% นั้นเช่น นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ จีน ไอร์แลนด์ โปรตุเกส เยอรมนี เบลเยี่ยม นิวซีแลนด์ หรือแม้แต่สหรัฐอเมริกา
การวิเคราะห์ของ Bloomberg ชี้ว่าการเพิ่มสัดส่วนอย่างรวดเร็วของรถยนต์ไฟฟ้านั้นกำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงในไทย ซึ่งในปี 2022 ที่ผ่านมามี 19 ประเทศที่มีสัดส่วนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเกิน 5% ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวถือว่ารถยนต์ไฟฟ้ากำลังจะถูกยอมรับในวงกว้างหลังจากนี้
สัดส่วนการใช้งานสินค้าหรือบริการแต่ละอย่างให้ได้ 5% ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญไม่น้อย โดยสื่อธุรกิจรายดังกล่าวได้ยกตัวอย่างถึงการใช้งานเตาไมโครเวฟที่ต้องใช้ระยะเวลานานถึง 20 ปี เพื่อเข้าถึง 1 ใน 10 ครัวเรือนในสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในที่สุด แต่เมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าถือว่าใช้เวลาสั้นกว่า
ในกรณีของรถยนต์ไฟฟ้า สื่อรายดังกล่าวมองว่า 5% นั้นเปรียบเหมือนเป็นจุดเปลี่ยน โดยที่ระยะเวลาที่ใช้ในการไปถึงระดับ 5% นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ซึ่งความท้าทายในหลายประเทศที่พบเหมือนกันก็คือ เรื่องราคารถยนต์ ความพร้อมใช้งานของที่ชาร์จ ฯลฯ เมื่อปัญหาเหล่านี้ได้รับการแก้ไข คนจำนวนมากก็จะแห่ตามมาใช้ในไม่ช้า
กรณีของประเทศไทยนั้น จุดเปลี่ยน 5% นั้นเกิดขึ้นในไตรมาส 1 ของปีนี้ ปัจจุบันอัตราส่วนผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าของไทยอยู่ที่ 8.1% แล้ว โดยการเข้าถึงจุดเปลี่ยนของรถยนต์ไฟฟ้าที่ 5% ประเทศแรกก็คือนอร์เวย์ในไตรมาส 3 ของปี 2013 ปัจจุบันประเทศดังกล่าวมีอัตราผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากถึง 82.1% แล้ว
นอกจากนี้ยังมีประเทศอินเดีย ที่ถือเป็นตลาดสำคัญอีกแห่งในโลก ปัจจุบันมีสัดส่วนผู้ซื้อรถยนต์ใหม่ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าถึง 3% ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้น 2 เท่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โดยอินเดียถือเป็นอีกประเทศที่น่าจับตามองถึงการใช้รถยนต์ไฟฟ้าหลังจากนี้ และผู้ผลิตหลายรายพยายามที่จะเจาะตลาดนี้เช่นกัน
และถ้าหากหลายประเทศก้าวข้ามผ่านตัวเลขที่ 5% ไปได้แล้ว ในช่วงทศวรรษนี้อาจเป็นยุคทองของรถยนต์ไฟฟ้าถือว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก
ไม่ใช่แค่ตลาดผู้ใช้งานเท่านั้น ในรายงานของ Bloomberg ยังชี้ว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ก็มีจุดเปลี่ยนสำคัญเช่นกัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ 10% ของยอดขายรวม ถ้าหากผู้ผลิตรถยนต์มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเกินกว่า 10% ก็จะเป็นจุดที่เริ่มมองหากำไรจากการผลิตได้แล้ว ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหม่ก็จะต้องผลิตให้ได้จำนวนมากพอเพื่อที่ต้นทุนต่อหน่วยจะได้ลดลง เหมือนกรณีของ Tesla ในปี 2017 ที่ต้องเร่งการผลิตให้ได้จำนวนมาก