ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ปรับแพ็กเกจใหม่เหลือ 4 แบบ เริ่มต้น 9 แสนบาท เจาะชาวต่างชาติกลุ่มรายได้สูงอยู่ไทยยาว

Thailand Privilege Card ประกาศรีแบรนด์ใหม่ นอกจากนี้ยังปรับแพ็กเกจใหม่เหลือ 4 แบบ เริ่มต้น 9 แสนบาท และเพิ่มสิทธิประโยชน์ของบัตรมากขึ้น รวมถึงด้านการลงทุน ซึ่งบัตรดังกล่าวเจาะชาวต่างชาติกลุ่มรายได้สูงอยู่ในประเทศไทยระยะยาว 

มนาเทศ อันนวัฒน์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (Thailand Privilege Card) ได้กล่าวว่าบริษัทซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ภายใต้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ปรับโฉมองค์กรใหม่ภายใต้วิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำระดับโลกที่ให้บริการด้านสิทธิพิเศษแก่บุคคลสำคัญเพื่อการพำนักระยะยาวในประเทศไทย

บัตร 4 ประเภทใหม่ของ Thailand Privilege Card มีราคาเริ่มต้นที่ 900,000 บาท จนถึง 5,000,000 บาท ซึ่งมนาเทศกล่าวว่าต้องการลดความซับซ้อนลง ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าใจสิทธิประโยชน์ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น หลังจากที่บริษัทได้ทำสำรวจกับลูกค้า

สิทธิประโยชน์ของ ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด รูปแบบใหม่ ได้แก่

  • บัตร Reserve อัตราค่าธรรมเนียม 5,000,000 บาท อายุการเป็นสมาชิก 20 ปีขึ้นไป โดยสามารถเข้าออกประเทศไทยในระยะยาว สามารถต่ออายุได้ครั้งละ 5 ปี และรับคะแนนสะสมปีละ 120 คะแนน เพื่อนำไปใช้แลกคะแนน โดยบัตรดังกล่าวผู้สมัครต้องได้รับการเชิญเท่านั้น และจำกัดจำนวนสมาชิกปีละไม่เกิน 100 ท่าน
  • บัตร Diamond อัตราค่าธรรมเนียม 2,500,000 บาท อายุการเป็นสมาชิก 15 ปี มอบสิทธิพิเศษตลอดระยะเวลาการพำนักในประเทศไทย พร้อมรับคะแนนสะสมปีละ 55 คะแนน
  • บัตร Platinum อัตราค่าธรรมเนียม 1,500,00 บาท อายุการเป็นสมาชิก 10 ปี พร้อมรับคะแนนสะสมปีละ 35 คะแนน เพื่อแลกรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม
  • บัตร Gold อัตราค่าธรรมเนียม 900,000 บาท อายุการเป็นสมาชิก 5 ปี เหมาะสำหรับการเข้าออกประเทศไทยระยะสั้น พร้อมรับคะแนนสะสมปีละ 20 คะแนน

นอกจากนี้ ในวาระครบรอบการดำเนินงาน 20 ปีของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จึงได้มีการรีแบรนด์จาก Thailand Elite Card เป็น Thailand Privilege Card และอีกด้วย

มนาเทศ อันนวัฒน์ – ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ภาพจากบริษัท)

ขณะเดียวกัน Thailand Privilege Card ยังได้เพิ่มสิทธิประโยชน์ในหลายด้าน ซึ่งคะแนนสะสมในแต่ละบัตรสามารถนำมาแลกในด้านต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น

  • Stay สิทธิพิเศษการเข้าพักในโรงแรมแบรนด์ดัง พร้อมสิทธิประโยชน์อื่นๆ รวมถึงสิทธิในการอัพเกรดห้องพัก
  • Travel สิทธิพิเศษด้านเดินทางท่องเที่ยวจากสายการบินชั้นนำ พร้อมบริการผู้ช่วยส่วนตัวและพนักงานต้อนรับ ณ สนามบิน สิทธิพิเศษรถรับ-ส่งสนามบิน และบริการห้องรับรองพิเศษสนามบิน สิทธิพิเศษบริการคนขับรถส่วนตัว, เรือยอร์ชส่วนตัว รถเช่าส่วนตัว หรือแม้แต่ Private Jet
  • Leisure สิทธิประโยชน์จากพันธมิตรทั้งจาก ร้านอาหาร เอนเตอร์เทนเมนต์ ช้อปปิ้ง กีฬา อาทิ ส่วนลดร้านค้า การใช้ VIP Lounge ต่างๆ บริการ Personal Shopping การใช้งาน Co-working Space เป็นต้น
  • Well-Being สิทธิพิเศษด้านสุขภาพ อาทิ บริการตรวจสุขภาพในโรงพยาบาลชั้นนำ บริการ สปา บริการฟิตเนส Wellness Center ชั้นนำ เป็นต้น
  • Wealth สิทธิพิเศษด้านการลงทุน บริการที่ปรึกษาด้านการเงินการลงทุน การอบรมสัมนาด้านการลงทุน แพ็กเกจพิเศษสำหรับประกันสุขภาพและประกันชีวิต เป็นต้น

ซึ่งผู้ถือบัตรใหม่สามารถเลือกสิทธิประโยชน์ได้ตามความสมัครใจ ส่วนสมาชิกเดิมจะดึงเข้ากลุ่มเข้าสมาชิกใหม่ โดยปรับตามเกณฑ์ของประเภทบัตรนั้นๆ แต่ยังสามารถใช้สิทธิประโยชน์แบบเดิมหรือจะเลือกสิทธิประโยชน์ใหม่ก็ได้ตามความสมัครใจ

สำหรับการปรับราคาใหม่ครั้งนี้ของ Thailand Privilege Card ราคาเริ่มต้นได้เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับราคาเริ่มต้นของ Elite Easy Access ซึ่งเป็นบัตรเก่าที่ 600,000 บาท ซึ่งบริษัทเลิกจำหน่ายบัตรสมาชิกเดิม 8 ประเภทในวันที่ 15 กันยายนนี้

ลูกค้าชาวต่างประเทศที่ Thailand Privilege Card เน้นเจาะกลุ่มได้แก่ กลุ่มนักลงทุนผู้มีความมั่งคั่งสูง กลุ่ม Digital Nomads ที่สามารถทำงานผ่านระบบออนไลน์ได้ทุกที่ กลุ่ม Expats ซึ่งเป็นชาวต่างชาติที่ทำงานในเมืองไทย และกลุ่มชาวต่างชาติที่มาเกษียณอายุในประเทศไทย

ขณะที่ชาวต่างชาติที่ Thailand Privilege Card รูปแบบใหม่ต้องการเจาะตลาดได้แก่ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร รัสเซีย และเกาหลี กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป รวมถึงตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย และประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง