ประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญในธุรกิจพลังงาน เมื่อบริษัทน้ำมันสัญชาติไทย “บางจากฯ” เข้าซื้อกิจการ “เอสโซ่” สำเร็จ เตรียมผนวกเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันของเอสโซ่มาอยู่ภายใต้แบรนด์บางจาก ซึ่งจะทำให้บางจากฯ มีปั๊มน้ำมันกว่า 2,200 แห่งทั่วประเทศ พร้อมเปลี่ยนมาจำหน่าย “น้ำมัน” สูตรคุณภาพที่ผลิตจากโรงกลั่นระดับโลกทั้งสองแห่ง
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ดำเนินการชำระราคาซื้อขายหุ้นสามัญของ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จำนวน 2,283,750,000 หุ้น หรือคิดเป็น 65.99% ของจำนวนหุ้นสามัญของเอสโซ่สำเร็จ ในราคาหุ้นละประมาณ 9.8986 บาท และบางจากฯ จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ส่วนที่เหลืออีก 34.01% ของเอสโซ่ต่อไปในช่วงวันที่ 8 กันยายน – 12 ตุลาคมนี้
ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทบางจาก และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น
เหตุการณ์นี้ถือเป็นดีลครั้งใหญ่ในวงการพลังงาน เนื่องจากเป็นการเข้าซื้อกิจการที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับบางจากฯ มากยิ่งขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือ สถานีบริการน้ำมันบางจากที่มีอยู่เดิม 1,360 แห่ง เมื่อรวมกับสถานีบริการน้ำมันของเอสโซ่ที่มี 830 แห่ง จะทำให้บางจากฯ มีเครือข่ายปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นกว่า 2,200 แห่งทั่วประเทศ
รวมถึงบางจากฯ ยังได้รับสินทรัพย์ที่เป็นประโยชน์จากเอสโซ่อีกหลายรายการ เช่น โรงกลั่นน้ำมัน จ.ชลบุรี กำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน, คลังน้ำมัน 2 แห่งใน อ.ศรีราชา และ จ.ลำปาง สต๊อกน้ำมัน และโรงงานอะโรเมติกส์มีกำลังการผลิตพาราไซลีน ขนาด 500,000 ตัน เป็นต้น
แน่นอนว่าการผสานศักยภาพของสองบริษัทใหญ่ในครั้งนี้ ย่อมสร้างความความเปลี่ยนแปลงให้กับธุรกิจพลังงานไทย โดยบางจากฯ มีความเชื่อมั่นว่าการรวมพลังกันของสองบริษัทจะช่วยสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และการบริการที่ดียิ่งขึ้นแก่ผู้บริโภคตามคอนเซ็ปต์ ‘Together to Greater’ จับมือกันเพื่อพัฒนาธุรกิจให้มีศักยภาพสูงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งผู้บริโภคจะได้เห็นการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน ดังนี้
เปลี่ยน “ปั๊มเสือ” เป็น “ปั๊มใบไม้” ขยายเครือข่ายเป็น 2,200 แห่ง
หลังเข้าซื้อกิจการแล้ว บางจากฯ จะผนวกสถานีบริการน้ำมันของเอสโซ่เข้ามาในเครือข่ายอีกประมาณ 830 แห่ง โดยปั๊มเอสโซ่จะทยอย “รีแบรนด์” เป็นปั๊มบางจาก ทำให้เครือข่ายปั๊มบางจากขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2,200 แห่ง
โดยเริ่มต้นจากปั๊มเอสโซ่ที่บริษัทดำเนินกิจการเอง 280 แห่ง สามารถเปลี่ยนแบรนด์ได้ทันทีภายในสิ้นปี 2566
ส่วนสาขาที่เหลือซึ่งมีดีลเลอร์เป็นเจ้าของ จะทยอยเจรจาสัญญาเพื่อเปลี่ยนมาใช้แบรนด์บางจากทดแทน ในส่วนนี้บางจากฯ คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 ปีในการรีแบรนด์
บางจากฯ ประเมินว่า การรวมเครือข่ายปั๊มน้ำมันส่วนใหญ่นั้นทำเลที่ตั้งจะไม่ทับซ้อนกัน จึงทำให้โอกาสเข้าถึงผู้บริโภคของบางจากฯ จะครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และในบางพื้นที่นั้นบางจากฯ จะมีโอกาสได้ขยายสาขาไปสู่ผู้บริโภคได้รวดเร็วหลังการควบรวมกิจการกับเอสโซ่ ได้แก่ ภาคเหนือซึ่งมีปั๊มเอสโซ่อยู่ 160 แห่ง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีปั๊มเอสโซ่อยู่ 130 แห่ง พื้นที่เหล่านี้เมื่อสถานีน้ำมันเปลี่ยนเป็นบางจาก ผู้บริโภคจะได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ โปรโมชัน สิทธิประโยชน์ต่างๆ จากบางจากฯ ได้สะดวกมากขึ้น ด้วยทำเลที่ตั้งเป็นปั๊มน้ำมันใกล้บ้านหรืออยู่ระหว่างทางสัญจรประจำของผู้บริโภค
“น้ำมัน” สูตรบางจากฯ จากโรงกลั่นระดับโลกทั้งสองแห่ง
สำหรับสูตรน้ำมันที่จะเข้าสู่หัวจ่ายของปั๊มบางจากและปั๊มเอสโซ่ที่อยู่ระหว่างรอการรีแบรนด์ จะมีการปรับเปลี่ยนเป็นน้ำมันสูตรบางจากฯ ทันที
ในแง่ของคุณภาพน้ำมัน บางจากฯ มีน้ำมันเกรดพรีเมียมทั้งแก๊สโซฮอล์และดีเซลที่ได้มาตรฐาน EURO5 มีคุณภาพสูง โดยน้ำมัน Bangchak Hi Premium 97 ได้รับเลือกจาก “บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด” ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ “ปอร์เช่” (Porsche) ให้เป็นน้ำมันถังแรก (First Fuel) ที่เติมให้กับรถยนต์ปอร์เช่ที่ออกจากศูนย์บริการในเมืองไทย
อีกทั้งโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ยังเป็นโรงกลั่นมาตรฐานระดับโลกซึ่งเป็นรายเดียวในไทยที่ได้รับรางวัล TQA เมื่อปี 2565 และเป็นโรงกลั่นน้ำมันแห่งแรกและแห่งเดียวในโลกที่ได้รับรางวัล Global Performance Excellence Award (GPEA) ระดับ World Class ในปี 2566 โดยน้ำมันที่กลั่นออกมา ทุกชนิดเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และได้มาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงาน
ผนวกฐานลูกค้า “เอสโซ่ สไมล์ส” เข้าสู่ระบบ “บางจากกรีนไมลส์”
อีกส่วนที่บางจากฯ ให้ความสำคัญ คือการเข้าดูแลสิทธิประโยชน์ของลูกค้าสมาชิก “เอสโซ่ สไมล์ส” ซึ่งมีฐานสมาชิกอยู่ราว 3.5 ล้านราย
โดยลูกค้าเอสโซ่ สไมล์สจะสามารถโอนย้ายคะแนนทั้งหมดมายังบัตรบางจากกรีนไมลส์ได้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2566 จนถึง 31 สิงหาคม 2567 และหากมีการโอนคะแนนมาเป็นคะแนนบางจากกรีนไมลส์ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 จะได้รับคะแนนโบนัสพิเศษเพิ่มอีก 100 คะแนนด้วย ทั้งนี้ สำหรับลูกค้าเอสโซ่ สไมล์สที่ยังไม่โอนคะแนน จะใช้บัตรเดิมสะสมคะแนนและแลกรับส่วนลดในการเติมน้ำมันได้จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2567
สมาชิกเอสโซ่ สไมล์สโอนย้ายคะแนนไปเป็นคะแนนบางจากกรีนไมลส์ ได้ผ่านช่องทางต่างๆ ดังนี้
- เครื่องรูดบัตร EDC ที่สถานีบริการน้ำมันเอสโซ่
- เว็บไซต์ bcpspointconversion.com
- ไลน์ Bangchak
- ไลน์ Esso Smiles (ให้บริการระหว่างวันที่ 16 กันยายน – 29 พฤศจิกายน 2566)
- Call center เอสโซ่สไมล์ส
- เครื่องรูดบัตร EDC ที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก (จะเปิดให้บริการระหว่างเดือนธันวาคม 2566 – เดือนสิงหาคม 2567)
สำหรับโปรโมชันร่วมกับบัตรเครดิตต่างๆ ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ที่ปั๊มบางจากและเอสโซ่จะยังคงรับสิทธิ์ตามเงื่อนไขเดิมของแต่ละธนาคารจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ของแต่ละธนาคารและ www.bcpgreenmile.com
สร้างความมั่นคงทางพลังงานให้คนไทย
ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบกระบุว่า กว่า 90% ของรถยนต์ในประเทศไทยปัจจุบันยังเป็นรถใช้น้ำมัน และการเปลี่ยนผ่านจากการใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลไปเป็นพลังงานสะอาดน่าจะยังใช้เวลาอีกมาก โดยพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลน่าจะยังมีความต้องการไปอีก 35-40 ปี
นั่นทำให้ความมั่นคงทางพลังงานของไทยยังเป็นสิ่งสำคัญ การที่บางจากฯ ซึ่งเป็นบริษัทของคนไทยมีความแข็งแกร่งมากขึ้นหลังซื้อกิจการเอสโซ่ เพราะมีการรับมอบสินทรัพย์สำคัญอย่างโรงกลั่น คลังน้ำมันและสต๊อกน้ำมันอีก 7.8 ล้านบาร์เรล เข้ามาเป็นของบริษัทไทย ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะทำให้ความมั่นคงทางพลังงานของไทยเพิ่มขึ้น ด้วยศักยภาพของบริษัทไทยจะสามารถตอบสนองความต้องการด้านพลังงานเพื่อดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศได้อย่างสม่ำเสมอและเพียงพอ ลดการพึ่งพิงพลังงานจากบริษัทต่างชาติ ซึ่งความมั่นคงทางพลังงานนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยทั้งประเทศต่อไปในอนาคต