-
“รัสเซีย” เคยเป็นกลุ่มผู้ซื้อต่างชาติกลุ่มใหญ่ในตลาดอสังหาฯ ไทยเมื่อช่วงสิบปีก่อน ก่อนจะหายเงียบไปเพราะวิกฤต “ค่าเงินรูเบิล” เมื่อปี 2557
-
ล่าสุดคลื่นลูกค้าเศรษฐีรัสเซียกลับมาซัดสาดตลาดอสังหาฯ ไทยอีกครั้งใน จ.ภูเก็ต จากวิกฤตสงครามรัสเซีย–ยูเครน ทำให้กลุ่มคนมีเงินเลือกอพยพหนีสงคราม
-
“โบทานิก้า” นักพัฒนาพูลวิลล่าท้องถิ่นในภูเก็ต ประเมินว่าคลื่นรัสเซียรอบนี้จะใหญ่กว่าเมื่อสิบปีก่อน 2-3 เท่าตัว และภูเก็ตถือเป็นปลายทางอันดับ 1 ของเศรษฐีระดับกลางจากรัสเซีย
ก่อนหน้านี้ คลื่นลูกแรกของกลุ่มลูกค้าเศรษฐี “รัสเซีย” เคยซัดสาดเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองไทยมาแล้วในช่วงสิบปีก่อน ชาวรัสเซียเริ่มเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมในไทยโดยเฉพาะแถบเมืองพัทยาตั้งแต่ปี 2545 แต่มาบูมสุดขีดหลังช่วงปี 2553 เพราะเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันพุ่ง ทำให้คนรัสเซียมีเงินถุงเงินถังพอที่จะออกมาซื้อคอนโดฯ ตากอากาศในเมืองไทยได้
อย่างไรก็ตาม ความฝันของนักพัฒนาคอนโดฯ เพื่อจับตลาดรัสเซียก็ต้องพังทลายหลังปี 2557 รัสเซียเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ค่าเงินรูเบิลอ่อนค่าลงถึง 50% ทำให้ผู้ซื้อรัสเซียยอมที่จะทิ้งดาวน์หรือขายดาวน์คอนโดฯ ไทยในราคาขาดทุน หลังจากนั้นผู้ซื้อรัสเซียจึงบางตาลงไปในทศวรรษที่ผ่านมา
“ภูเก็ต” บูมในฐานะแหล่งอพยพหนีสงคราม
อสังหาฯ ไทยไม่ได้พูดถึงผู้ซื้อรัสเซียบ่อยนักจนกระทั่งเกิดจุดเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อ “สงครามรัสเซีย-ยูเครน” ปะทุขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ทำให้คนรัสเซียหวาดหวั่นต่อภัยสงคราม รวมถึงการถูกเกณฑ์ทหารเพื่อไปร่วมรบ ชาวรัสเซียกลุ่มที่มีความมั่งคั่งสูงจึงเริ่มหาลู่ทางย้ายออกนอกประเทศ และ “ไทย” คือหนึ่งในปลายทางที่คนรัสเซียนิยมอพยพหนีสงครามมา
ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ REIC ระบุว่า ยอดโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ โดยผู้ซื้อชาวรัสเซียเมื่อปี 2565 มีการโอนทั้งสิ้น 2,682 ล้านบาท เห็นสัญญาณเพิ่มขึ้นเกือบ 14% จากยอดโอนคอนโดฯ โดยชาวรัสเซียเมื่อปี 2562 (ปีสุดท้ายก่อนเกิดโควิด-19)
REIC ยังพบด้วยว่า เมื่อปี 2565 จุดหมายที่คนรัสเซียนิยมซื้อคอนโดฯ มากที่สุดคือ “ภูเก็ต” คอนโดฯ ที่ขายให้ชาวต่างชาติบนเกาะภูเก็ตมีถึง 40% ที่ขายให้กับชาวรัสเซีย ต่างจากค่าเฉลี่ยทั้งประเทศที่จะมีสัดส่วนผู้ซื้อรัสเซียเพียง 5%
ต่อมาช่วงปี 2566 คนรัสเซียยิ่งเร่งเข้ามาจับจองคอนโดฯ ในไทย REIC ระบุว่า แค่เพียงครึ่งปีแรกนี้มีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ ให้คนรัสเซียไปแล้ว 2,556 ล้านบาท เป็นไปได้สูงที่ทั้งปี 2566 จะมีการโอนคอนโดฯ ขายให้คนรัสเซียทะลุ 5,000 ล้านบาท
ปรากฏการณ์นี้ทำให้เมื่อต้นปี 2566 สำนักข่าวต่างประเทศอย่าง Al Jazeera ลงพื้นที่ภูเก็ตสัมภาษณ์เอเย่นต์ขายคอนโดฯ ให้คนรัสเซีย พบว่า ลูกค้ารัสเซียส่วนใหญ่เป็นผู้มีฐานะที่ต้องการจะหนีสงครามมาอาศัยอยู่ในภูเก็ตแบบถาวร โดยเลือกภูเก็ตเพราะเป็นเมืองตากอากาศชายทะเล และมีโรงเรียนนานาชาติสำหรับลูกๆ ขณะที่บางคนเดินทางมาแล้วมาหางานทำในเกาะภูเก็ตแบบผิดกฎหมายด้วย เช่น ขับแท็กซี่, ทำอาชีพไกด์นำเที่ยว
“โบทานิก้า” เชื่อคลื่นลูกค้ารัสเซียรอบนี้ใหญ่กว่าเดิม 2-3 เท่า
นอกจากคอนโดฯ ที่ขายดีแล้ว อีกโปรดักส์ที่เศรษฐีรัสเซียนิยมคือ “วิลล่าตากอากาศ” ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวมีที่ดินจึงซื้อขาดไม่ได้ (ยกเว้นจัดตั้งนิติบุคคลร่วมกับชาวไทย) แต่ชาวรัสเซียยอมรับการเช่าระยะยาวแบบลีสโฮลด์ 30 ปี
“อรรถสิทธิ์ อินทรชูติ” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โบทานิก้า ลักเซอรี่ ภูเก็ต จำกัด มองว่า กระแสการเข้าซื้ออสังหาฯ ไทยของคนรัสเซียในรอบนี้จะเป็น ‘big wave’ ที่ใหญ่กว่ารอบสิบปีก่อน 2-3 เท่า เนื่องจากภัยสงคราม ‘บีบ’ ให้คนที่มีกำลังทรัพย์ย้ายออก ไม่ใช่แค่หาจุดหมายการลงทุน
โบทานิก้านั้นเป็นบริษัทท้องถิ่นที่พัฒนาอสังหาฯ ขายบนเกาะภูเก็ตมานาน 20 ปี เน้นโปรดักส์กลุ่มวิลล่าระดับบน ราคาตั้งแต่ 7 ล้านบาทจนถึงมากกว่า 100 ล้านบาทต่อหลัง โดยมียอดขายสะสมแล้ว 500 หลัง รวมมูลค่า 10,000 ล้านบาท
บริษัทนี้ยังเน้นขายวิลล่าให้ชาวต่างชาติ ลูกค้า 95% ของโบทานิก้ามาจากต่างประเทศ และครึ่งหนึ่งเป็นคน “รัสเซีย”
อรรถสิทธิ์กล่าวว่า ปกติเศรษฐีรัสเซียมีจุดหมายปลายทางของการพักผ่อนหลายแห่งบนโลก แต่แหล่งใหญ่ที่ขณะนี้ต้องตัดออกจากตัวเลือกคือ “ยุโรป” เพราะมีการคว่ำบาตรซึ่งกันและกัน
ทำให้ตัวเลือกรองๆ ลงมาสำหรับเศรษฐีระดับบนจะเป็นประเทศตุรกีและดูไบ UAE โดยลงทุนซื้อคฤหาสน์ราคา 200-300 ล้านบาทต่อหลัง
ส่วนประเทศไทยโดยเฉพาะ “ภูเก็ต” นั้นคือตัวเลือกเบอร์ 1 ของเศรษฐีระดับกลางในรัสเซีย ส่วนใหญ่จะนิยมซื้อวิลล่าหลังละ 50 ล้านบาท
- รู้จัก “มอนท์เอซัวร์” อาณาจักรโครงการไฮเอนด์แห่ง “ภูเก็ต” แหล่งดึงดูดเศรษฐีทั่วโลกลงทุน-พักผ่อน
- ‘กรุงเทพ-ภูเก็ต’ ติด Top 5 ปลายทางที่ ‘นักท่องเที่ยวจีน’ ไปมากที่สุดช่วง ‘ตรุษจีน’
ด้วยความนิยมที่หลั่งไหลเข้ามาขนาดนี้ อรรถสิทธิ์กล่าวว่าดีมานด์ที่พุ่งขึ้นทำให้ราคาที่ดินในภูเก็ตพุ่งตามไป 2-4 เท่าภายในปีเดียว ปัจจุบันราคาที่ดินติดหน้าหาดหรือมองเห็นวิวทะเลขายกันที่ราคาขั้นต่ำ 50-60 ล้านบาทต่อไร่ ซึ่งจะทำให้ราคาโปรดักส์ในภูเก็ตหลังจากนี้ยิ่งถีบตัวสูงขึ้นแน่นอน