ผลสำรวจจากบริษัทที่ปรึกษาชื่อดังอย่าง Oliver Wyman ที่ได้สำรวจชนชั้นกลางจีน พบว่า 54% ไม่อยากท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงระยะอันใกล้นี้ โดยสาเหตุสำคัญนั้นมาจากเรื่องสภาวะเศรษฐกิจในประเทศจีนที่ชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา
สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวโดยอ้างอิงผลสำรวจจาก Oliver Wyman บริษัทที่ปรึกษาชื่อดัง ซึ่งทำสำรวจนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เป็นชนชั้นกลาง พบว่าชนชั้นกลางจีนที่เคยเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมากถึง 54% ไม่อยากท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงระยะอันใกล้นี้
ผู้สำรวจที่เข้าเกณฑ์ของ Oliver Wyman จะต้องมีรายได้ต่อเดือนไม่น้อยกว่า 30,000 หยวน และเคยท่องเที่ยวต่างประเทศก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งผลสำรวจในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา 62% นั้นมองว่าไม่อยากเดินทางท่องเที่ยวในระยะอันใกล้นี้
ขณะเดียวกันในปี 2024 นักท่องเที่ยวจีนที่ไม่อยากออกท่องเที่ยวนั้นมีแค่ 9% แต่ผลสำรวจล่าสุดของ Oliver Wyman พบว่านักท่องเที่ยวมากถึง 22% ไม่มีแผนที่อยากท่องเที่ยวในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งผลสำรวจดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากผลสำรวจในเดือนมิถุนายนซึ่งมีแค่ 6% เท่านั้น
Imke Wouters พาร์ตเนอร์ของ Oliver Wyman ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่จัดทำสำรวจดังกล่าว ได้กล่าวว่า ในขณะที่นักท่องเที่ยวจีนกำลังจะกลับมาอีกครั้งหลังพรมแดนเปิด อาจต้องใช้เวลานานมากกว่าที่เราคาดไว้
ในผลสำรวจเดือนกันยายนยังชี้ว่า ผู้ตอบแบบสำรวจเพียง 19% ที่กล่าวว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้น ขณะที่ 32% มองว่าความอยากไปท่องเที่ยวต่างประเทศลดลง เนื่องจากเหตุผลทางด้านสภาวะเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัวลง
แม้ว่าในไตรมาส 2 GDP ของจีนจะโตถึง 6.3% ก็ตาม แต่ช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนเองได้ประสบปัญหาสภาวะฟื้นตัวช้ากว่าที่หลายฝ่ายมองไว้ ซึ่งเหตุผลหลักมาจากภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจจีนช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปัญหาดังกล่าวได้สร้างผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของชาวจีนอย่างมาก
นอกจากนี้ชาวจีนที่ได้ตอบแบบสำรวจดังกล่าวถึง 35% ยังต้องการที่จะเที่ยวในประเทศจีนมากขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจกระทบต่อประเทศที่พึ่งพานักท่องเที่ยวจีน เช่น ประเทศไทย หรือหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจจีนนั่นเอง