บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด มองหุ้นไทยในไตรมาส 4 ของปีนี้มีลุ้นขาขึ้นจากปัจจัยบวก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่ใกล้จบรอบ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเป้าดัชนีหุ้นไทยในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1,524 จุด
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด ได้ให้มุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไตรมาส 4 ของปี 2023 มีโอกาสได้เห็นทิศทางกลับเป็นขาขึ้น แม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเกิดสภาวะถดถอย แต่มองว่าการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ใกล้จบ และน่าจะมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 5.5%
ในมุมมองของเศรษฐกิจจีน เทิดศักดิ์มองว่าภาคอสังหาน่าจะใช้เวลาหลายปีในการฟื้นตัว แต่ภาคอุตสาหกรรมอื่นฟื้นตัวดีมาก ถ้าหากไปดูตัวเลขเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันรองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัยของ เอเซีย พลัส ได้กล่าวถึงสภาวะที่ตลาดหุ้นไทยที่มีการเทขายในช่วงหลายวันที่ผ่านมา รวมถึงค่าเงินบาทของไทยที่อ่อนค่านั้นเกิดจากสาเหตุมาจากการปรับสมดุลในเรื่องภาคการเงิน ซึ่งเป็นผลของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอเมริกาที่นักลงทุนมองว่าจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยยาวนานกว่านั้น
ผลที่เกิดขึ้นทำให้เกิดสภาวะตลาดผันผวนจากเม็ดเงินไหลออกจากที่ที่มีผลตอบแทนต่ำ อย่างเช่น ไทย ฯลฯ ไหลกลับไปยังสหรัฐฯ ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า คาดว่าต้องใช้เวลาอีกสักพัก โดยเทิดศักดิ์ชี้ว่าถ้าค่าเงินบาทเริ่มนิ่งถึงจะสะท้อนภาพว่าเป็นยังไงหลังจากนี้
เขายังแนะนำว่าถ้าหากเป็นนักลงทุนที่เน้นซื้อขายระยะสั้น ช่วงนี้ถือว่าเสี่ยงมาก ถ้านักลงทุนระยะยาวเหมาะกับการซื้อหุ้น โดยมองว่าปัจจัยพื้นฐานตอนนี้ถูกมาก โดยอัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) เหลือเพียง 1.46 เท่า จากผลของดัชนีหุ้นไทยนับตั้งแต่ต้นปีปรับตัวลดลงมาแล้วกว่า 10%
นอกจากนี้ เอเซีย พลัส ยังมองประเด็นในไทยนั้นเห็นพัฒนาการเชิงบวกมากขึ้นเรื่อยๆ จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการลดราคาพลังงาน ฟรีค่าธรรมเนียม VISA ความคาดหวังจากโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทในระยะถัดไป รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่กำลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น
สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มองกำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตจาก โดยปัจจัยหลักจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยในปีนี้ เอเซีย พลัส มองไว้ที่ 1,524 จุด
เอเซีย พลัส ยังมองว่าหุ้นไทยมีโอกาสจำกัดในการปรับตัวลดลงอีก และปัจจุบันถือว่าอยู่ในโซนที่หุ้นราคาถูก แนะนำนักลงทุนทยอยสะสมหุ้นที่มีพื้นฐานเด่น ราคาน่าสะสม และมีปัจจัยเฉพาะตัวหนุนให้มีโอกาสฟื้นตัวเด่นกว่าตลาด เช่น AOT, SCGP, PTTEP, TOP, BCPG, TU และ III
ขณะที่เหตุการณ์ที่มีการกราดยิงในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เอเซีย พลัส มองว่ามีผลต่อความรู้สึกของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยแน่ๆ โดยส่วนใหญ่ถ้ามองจากอดีตผลกระทบเฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ ตอนนี้มองว่าหุ้นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวโดนเทขายมาก และมองเห็นโอกาสที่จะฟื้นตัวกลับมาได้