“สิงคโปร์” ดีลสั่งซื้อ “ไฟฟ้า” คาร์บอนต่ำจาก เวียดนาม อินโดฯ กัมพูชา มุ่งเป้าลดโลกร้อน

ภาพจาก Shutterstock
ตั้งแต่ปี 2033 เป็นต้นไป “สิงคโปร์” จะนำเข้า “ไฟฟ้า” คาร์บอนต่ำจากเวียดนาม อินโดนีเซีย และกัมพูชา เพื่อไปสู่เป้าการนำเข้าพลังงานหมุนเวียนให้ได้ครบ 4GW ภายในปี 2035

Energy Market Authority (EMA) เปิดเผยว่า “สิงคโปร์” ตกลงดีลสั่งซื้อ “ไฟฟ้า” คาร์บอนต่ำ นำเข้าจากเวียดนาม 1.2 กิกะวัตต์ (GW) ซึ่งจะส่งผ่านสายเคเบิลใต้ทะเลมาเป็นระยะทางประมาณ 1,000 กิโลเมตร

พลังงานไฟฟ้าที่จะนำเข้าจากเวียดนามนี้คิดเป็นสัดส่วน 10% ของความต้องการไฟฟ้าในสิงคโปร์ในแต่ละปี

ก่อนหน้านี้สิงคโปร์ก็มีการเซ็นดีลในลักษณะเดียวกันกับ “อินโดนีเซีย” โดยจะนำเข้าไฟฟ้าคาร์บอนต่ำจากอินโดฯ 2GW รวมถึงจะนำเข้าไฟฟ้าคาร์บอนต่ำจาก “กัมพูชา” อีก 1GW

ไฟฟ้าคาร์บอนต่ำเหล่านี้ผลิตขึ้นจากหลายรูปแบบผสมกัน ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าพลังน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม

เมื่อนำเข้าไฟฟ้าคาร์บอนต่ำเหล่านี้ได้ครบถ้วน จะทำให้สิงคโปร์ใช้ไฟฟ้าคาร์บอนต่ำเป็นสัดส่วน 30% ของความต้องการพลังงานภายในปี 2035

การนำเข้าไฟฟ้าคาร์บอนต่ำจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของสิงคโปร์นี้ เกิดขึ้นจากการทำการศึกษาโครงการร่วมกันระหว่างสิงคโปร์และสหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ยังมีแผนที่จะนำเข้าไฟฟ้าคาร์บอนต่ำจากแหล่งอื่นๆ ในภูมิภาคเพิ่มอีกในอนาคต ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนมิถุนายน 2022 สิงคโปร์เริ่มศึกษาโครงการนำเข้าไฟฟ้าพลังงานน้ำจากลาวขนาดประมาณ 100 เมกะวัตต์ (MW) แล้ว โดยจะส่งผ่านมาทางประเทศไทยและมาเลเซีย

ส่วนการผลิตไฟฟ้าคาร์บอนต่ำเองบนเกาะสิงคโปร์ เนื่องด้วยพื้นที่เกาะอันจำกัด ทำให้สิงคโปร์เลือกใช้พลังงานโซลาร์เป็นหลัก โดยมีเป้าหมายจะผลิตพลังงานไฟฟ้าจากโซลาร์ให้ได้ 2GW ในปี 2030 เพื่อสนองความต้องการใช้งานให้ได้ 350,000 ครัวเรือน

ปัจจุบันนี้สิงคโปร์สามารถผลิตไฟฟ้าโซลาร์ได้แล้ว 1GW หรือไปได้ครึ่งทางของเป้าหมายแล้ว และกำลังพยายามหาทางเพิ่มประสิทธิภาพให้พื้นที่หนึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าโซลาร์ได้สูงยิ่งขึ้น หรือสามารถติดแผงโซลาร์บนผนังด้านนอกของตัวอาคารให้ได้ รวมถึงจะต้องพัฒนาเทคโนโลยีการกักเก็บพลังงานด้วย เพราะพลังงานโซลาร์จะผลิตได้เฉพาะช่วงกลางวันเท่านั้น

source