รัฐบาลจีนเร่งเปลี่ยนผ่านสินค้าไอที ไม่ว่าจะเป็นทั้ง Hardware และ Software จากเดิมที่ใช้ของผลิตในต่างประเทศ กลับมาใช้ของที่ผลิตในประเทศมากขึ้น เนื่องจากปัญหาสำคัญคือเรื่องของมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกา รวมถึงกังวลเรื่องการจารกรรมข้อมูล
สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวว่า รัฐบาลจีนได้เร่งเปลี่ยนอุปกรณ์ไอทีมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตภายในประเทศมากขึ้น โดยมาตรการดังกล่าวตามหลังมาจากมาตรการห้ามการส่งออกสินค้าไอที หรือแม้แต่เทคโนโลยีขั้นสูง ไปยังประเทศจีนเพิ่มมากขึ้น และยังรวมถึงความกังวลในเรื่องการจารกรรมข้อมูล
หน่วยงานภาครัฐของจีนหลายแห่ง รวมถึงรัฐวิสาหกิจของจีน ได้ทยอยเปิดการประมูลเพื่อจัดซื้อสินค้าไอที โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมามีจำนวนการประมูลจัดซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้นมากกว่า 1 เท่าตัว โดยบริษัทวิจัยไอที First New Voice ได้ชี้ว่าจีนได้ใช้เงิน 1.4 ล้านล้านหยวน เพื่อเปลี่ยนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ต่างประเทศในปี 2023 เพิ่มขึ้น 16.2% เมื่อเทียบกับปี 2022 ที่ผ่านมา
คาดว่าภายหลังจากนี้จีนจะใช้มาตรการดังกล่าวในภาคการเงิน รวมถึงภาคโทรคมนาคม เป็นรายถัดไป เนื่องจากทั้ง 2 ภาคส่วนมีความสำคัญต่อด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง
รายงานของ Reuters ยังชี้ว่าไม่ใช้แค่ผลิตภัณฑ์ไอทีเท่านั้น แต่จีนต้องการที่จะเปลี่ยนซอฟต์แวร์ที่พึ่งพาชาติตะวันตก ให้เปลี่ยนมาใช้ซอฟต์แวร์จากผู้ผลิตในประเทศจีน
ในช่วงที่ผ่านมาจีนเองได้ประสบปัญหามาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ให้เข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักรผลิตชิปหรือแม้แต่การนำเข้าชิปเร่งการประมวลผลด้าน AI ของ Nvidia ทำให้จีนต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศ รวมถึงใช้ผลิตภัณฑ์ไอทีจากจีนทดแทนจากชาติตะวันตก
อย่างไรก็ดีปัญหาในเวลานี้ของจีนก็คือการขาดความสามารถในการผลิตชิปขั้นสูง ทำให้ไม่สามารถทดแทนสินค้าไอทีที่ผลิตในประเทศจีนได้ทั้งหมดอย่างสมบูรณ์