แพงไปไม่ซื้อ! Meta, Microsoft และ OpenAI เตรียมเปลี่ยนใช้ชิปเอไอจาก ‘AMD’ หลังสู้ราคา ‘Nvidia’ ไม่ไหว

ในยุค Generative AI แบบนี้ ทำให้ความต้องการชิปสำหรับการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์พุ่งขึ้นมหาศาล ส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตชิปได้อานิสงส์นี้ไปเต็ม ๆ และหนึ่งในแบรนด์ที่เติบโตจากเทรนด์ดังกล่าวก็คือ Nvidia บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) และปัญญาประดิษฐ์

การจะสร้างและพัฒนาโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ เช่น ChatGPT ส่วนสำคัญก็คือ ชิป อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคาชิปของ Nvidia ที่ถือเป็นผู้นำของตลาดชิปสำหรับใช้ในการพัฒนาเอไอมีราคาแพง ทำให้ Meta, OpenAI และ Microsoft ประกาศว่าพวกเขาจะ ใช้ชิป AI ใหม่ล่าสุดของ AMD นั่นคือ Instinct MI300X ซึ่งเป็นชิป high-end ตัวล่าสุด ซึ่งจะชนกับ H100 ของ Nvidia

ที่น่าสนใจคือ Omdia บริษัทติดตามตลาด เชื่อว่า Meta และ Microsoft เป็นผู้ซื้อ GPU H100 ของ Nvidia รายใหญ่ที่สุด พวกเขาจัดหา GPU H100 มากถึง 150,000 ตัว ซึ่งมากกว่าจํานวนโปรเซสเซอร์ H100 ที่ซื้อโดย Google, Amazon, Oracle และ Tencent (ตัวละ 50,000 ตัว)

โดย AMD จะเริ่มจัดส่งชิป MI300X ในต้นปีหน้า และด้วยราคาที่ถูกลงอาจช่วยลดต้นทุนในการพัฒนาโมเดล AI รวมถึงสร้างแรงกดดันด้านการแข่งขันต่อการเติบโตของยอดขายชิป AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของบริษัท Nvidia

AMD กล่าวว่า MI300X ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ โดยชิป MI300X เป็นชิปเร่งความเร็วสถาปัตยกรรม CDNA 3 เพิ่มหน่วยประมวลผล 40% ขยายแบนวิดท์หน่วยความจำ 1.7 เท่า ใส่แรม HBM3 192GB สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วขึ้น รองรับข้อมูลแบบ FP8 หน่วยความจำที่สูงขึ้นทำให้สามารถรันโมเดล LLaMA-2 70B ได้ในชิปเดียว  

ทั้งนี้ AMD เคยคาดการณ์ว่าชิป MI300X จะมียอดขายประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2024 และหลังจากเปิดตัวชิปดังกล่าวหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้น 1.9% ทั้งนี้ รายได้ใน Q3/2023 ของ AMD อยู่ที่ 5.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 4% โดย Lisa Su ซีอีโอของ AMD คาดการณ์ว่า ตลาดสําหรับชิป AI จะมีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2027 และหวังว่า AMD จะครองส่วนแบ่งใหญ่ของตลาดนั้น

Source