ถือเป็นอะไรที่น่าสนใจเหมือนกันที่ ‘จีน’ ประเทศที่ขึ้นชื่อในด้านการบริโภค ‘ชา’ และถือเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของคนจีน แต่ปัจจุบันจีนได้แซงหน้าสหรัฐอเมริกาในฐานะตลาดที่มีสาขา แบรนด์ร้านกาแฟ มากที่สุดในโลก
ตามรายงานของ World Coffee Portal เปิดเผยว่า จำนวนแบรนด์ร้านกาแฟในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอย่าง จีน เพิ่มขึ้น +58% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยมีสาขารวมมากถึง 49,691 แห่ง แบรนด์ที่มีสาขาทั่วโลกอย่าง Starbucks ได้เปิดสาขาใหม่เพิ่ม 785 สาขา ในช่วงเวลาดังกล่าว รวมแล้วมีกว่า 6,000 สาขา โดยปัจจุบัน Starbucks ถือเป็นแบรนด์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสอง รองจาก Luckin Coffee ร้านกาแฟสตาร์ทอัพสัญชาติจีนที่มีสาขากว่า 13,000 สาขา
“คอกาแฟชาวจีนมากกว่า 90% ที่ทำการสำรวจ ดื่มกาแฟร้อนทุกสัปดาห์ ในขณะที่ 64% ดื่มกาแฟเย็นอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และผู้บริโภคเกือบ 90% ที่ทำแบบสำรวจ จะไปเยี่ยมชมหรือสั่งอาหารจากร้านกาแฟอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง”
ปัจจุบัน จีนได้กลายเป็นมหาอำนาจของอุตสาหกรรมกาแฟระดับโลก แม้ว่าจะต้องเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ตาม โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมาแบรนด์อย่าง Starbucks ได้ทุ่มเงินมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้าง ‘สตาร์บัคส์ ไชน่า คอฟฟี่ อินโนเวทีฟ อินดัสเทรีย พาร์ค’ (Starbucks China Coffee Innovation Industrial Park) นิคมอุตสาหกรรมด้านกาแฟขนาดใหญ่ในภาคตะวันออกของจีน โดยพึ่งเปิดตัวในเดือนกันยายนที่ผ่านมา
การลงทุนดังกล่าวถือเป็นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยทำมา สำหรับศูนย์ผลิตและจำหน่ายกาแฟนอกสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน ประเทศจีนเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญที่สุดของ Starbucks มายาวนาน โดยทำหน้าที่เป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกและเป็นตลาดต่างประเทศชั้นนำ โดย Starbucks ได้ตั้งเป้าเปิดร้าน 9,000 สาขา ในจีนภายในปี 2025