H&M แก้เกมหลังโดน Shein รุกหนัก ขายสินค้าจับกลุ่มตลาดบนเพิ่มขึ้น ไม่เน้นสินค้าราคาถูกอย่างเดียว

ตู้คอนเทนเนอร์บรรจุเครื่องจักรรีไซเคิลผ้าของ H&M
H&M ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับผลกระทบจากการเข้ามาของแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นจากจีนอย่าง Shein ไม่น้อย โดยล่าสุดแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นจากสวีเดนรายนี้ได้งัดกลยุทธ์ใหม่เพื่อที่จะทำให้อัตราการทำกำไรดีขึ้นั่นก็คือ “ขายเสื้อผ้าที่มีราคาแพงมากขึ้น” เพื่อเจาะลูกค้ากลุ่มกำลังซื้อสูง

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวว่า H&M แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นจากสวีเดน เริ่มได้รับผลกระทบจากการเข้ามาของ Shein ซึ่งเป็นแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นจากประเทศจีน โดยเน้นขายสินค้าเสื้อผ้าแบบราคาถูก ทำให้บริษัทต้องเปลี่ยนกลยุทธ์อื่นมาสู้แทน

H&M ได้นำกลยุทธ์ใหม่มาใช้คือการออกเสื้อผ้าในราคาแพงมากขึ้น เพื่อที่จะจับลูกค้ากลุ่มตลาดบนที่มีกำลังซื้อ นอกจากนี้ยังทำให้อัตราการทำกำไรของบริษัทนั้นมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นด้วย

คอลเลกชัน Rabanne ซึ่งเป็น 1 ในคอลเลกชันสินค้าราคาแพงของ H&M นั้นมีสินค้า เช่น เดรสตาข่ายเมทัลลิกที่ทำจากอะลูมิเนียม ราคา 749 ดอลลาร์สหรัฐ มินิเดรสปักเลื่อม ราคา 399 ดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงรองเท้าบูทคาวบอยสีเงิน ราคา 399 ดอลลาร์สหรัฐ

ซึ่งราคาสินค้าคอลเลกชันใหม่ดังกล่าวนั้นเมื่อเทียบกับราคาสินค้าปกตินั้นถือว่ามีราคาแพงอย่างมาก และ H&M กำลังเร่งนำคอลเลกชันใหม่ที่มีราคาสูงกว่าเดิมออกสู่ตลาดให้ไวที่สุด เพื่อที่จะแข่งขันกับ Zara ซึ่งเป็นคู่แข่งเดิมรวมถึง Shein ที่เป็นคู่แข่งรายใหม่ได้ดียิ่งขึ้น

กลยุทธ์ของ Shein ที่กดดัน H&M คือการขายเสื้อผ้าหรือสินค้าแฟชั่นราคาถูก เช่น การขายเดรสของผู้หญิงในราคา 8 ดอลลาร์สหรัฐ เสื้อยืดในราคา 5 ดอลลาร์สหรัฐ หรือแม้แต่เครื่องประดับในราคา 2 ดอลลาร์สหรัฐ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้อุตสาหกรรมเกิดความปั่นป่วนขึ้นมาทันที

การเข้ามาของ Shein นั้นไม่ได้สร้างแรงกดดันให้กับ H&M ซึ่งเป็นแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นเท่านั้น แต่ยังกดดันถึงผู้เล่น E-commerce รายใหญ่อย่าง Amazon ด้วยเช่นกัน เนื่องจากราคาสินค้าโดยเฉพาะประเภทเสื้อผ้านั้นมีราคาที่ถูกกว่า Amazon อย่างมาก

โดยในปี 2020 ที่ผ่านมา Shein เองยังเป็นแบรนด์ฟาสต์แฟชั่นอันดับ 2 ที่ครองใจวัยรุ่นชาวสหรัฐฯ เนื่องจากราคาสินค้าที่นำเข้ามาจากประเทศจีนที่มีราคาถูกมาก เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ส่งผลทำให้แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นไม่เว้นแม้แต่ H&M ต้องงัดกลยุทธ์อื่นมาใช้

อย่างไรก็ดีการใช้กลยุทธ์ขายสินค้าที่เน้นตลาดบนมากขึ้น  H&M เองก็ได้รับแรงกดดันจากลูกค้าไม่น้อย เนื่องจากแบรนด์คู่แข่งที่จับลูกค้าตลาดบนเน้นลูกค้าจับจ่ายใช้สอยราคาแพงนั้นมีอยู่หลายแบรนด์เช่นกัน