เปิดเบื้องหลังยูนิฟอร์มใหม่ “บาร์บีคิวพลาซ่า” มากกว่าฟังก์ชัน แต่ “ฟังฉัน Design” ให้พนักงานเป็นดีไซเนอร์!

บาร์บีคิวพลาซ่าเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มพนักงานครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี ผ่านคอนเซ็ปต์ “ฟังฉัน Design” ไม่ได้ใช้ดีไซเนอร์ชื่อดังในการออกแบบ แต่ให้พนักงานเป็นดีไซเนอร์เอง ด้วยการรับฟังฟีดแบ็ก พัฒนาให้สวมใส่ง่าย ใส่เป็นแฟชั่นได้ และ Unisex

“ฟังฉัน Design” เพราะพนักงานคือดีไซเนอร์ที่ดีที่สุด

หลายคนอาจเห็นแบรนด์ “บาร์บีคิวพลาซ่า” ในมุมที่เป็นแบรนด์ที่มีการตลาดอันหวือหวา และจัดจ้าน มี “พี่ก้อน” เป็นเหมือนเพื่อนกับผู้บริโภค เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่หลายคนยกให้เป็นแบรนด์เลิฟ แต่อีกมุมหนึ่งของบาร์บีคิวพลาซ่าที่หลายคนอาจไม่ค่อยรู้มากนักก็คือ การดูแลพนักงาน ที่การันตีได้จากการคว้ารางวัลนายจ้างดีเด่นติดต่อกันเป็นปีที่ 4

ธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการ Turn Over สูงมาก หลายๆ แบรนด์จึงต้องงัดหมัดเด็ดในการดึงดูดพนักงาน และรักษาพนักงานไปด้วยในคราวเดียวกัน หนึ่งในนั้นคือการสร้างความภาคภูมิใจ รวมไปถึงการใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ

Bar B Q plaza

ที่ผ่านมาเราได้เห็นบาร์บีคิวพลาซ่ามีแคมเปญเกี่ยวกับพนักงานไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ที่สร้างอิมแพ็คได้มากที่สุดอยู่ที่ชุด “ยูนิฟอร์ม” พนักงาน ที่ทางแบรนด์ค่อนข้างให้ความสำคัญ เพราะเป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ขององค์กร ถ้าพนักงานแฮปปี้กับชุดยูนิฟอร์มก็สามารถส่งต่อการบริการที่ดีถึงมือลูกค้าได้

36 ปีที่ผ่านมา บาร์บีคิวพลาซ่าได้มีการเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มทั้งหมด 4 ครั้ง เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2530, 2536, 2543 ซึ่งชุดยูนิฟอร์มที่ใช้ล่าสุดในปัจจุบันมีการเปลี่ยนเมื่อปี 2557 ทำให้ในปีนี้มีการเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี ซึ่งจะเริ่มใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 15 ม.ค. 2567

Bar B Q plaza

Positioning มีโอกาสได้พูดคุยถึงเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงยูนิฟอร์มครั้งนี้กับ นาฑีรัตน์ บุญรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานทรัพยากรบุคคลและหน่วยธุรกิจพีเพิลคอนเน็ค บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด

นาฑีรัตน์ ได้เริ่มเล่าว่า ยูนิฟอร์มล่าสุดได้ใช้มา 10 ปีแล้ว การเปลี่ยนครั้งนี้ ต้องการตอกย้ำความเชื่อเรื่องวงจรแห่งความสุขต้องเริ่มจากพนักงาน ถ้าพนักงานมีความสุขก็จะส่งมอบประสบการณ์ดีๆ ให้แก่ลูกค้าได้ ซึ่งยูนิฟอร์มเป็นส่วนหนึ่งของความสุขพนักงานด้วย เพราะเป็นสิ่งที่อยู่กับเขาถึง 6 วัน/สัปดาห์ หรือปีละ 312 วัน คอนเซ็ปต์แรกที่ทำก็คือ ให้พนักงานเป็นดีไซเนอร์เพราะเป็นคนใช้งานเยอะสุด เขาจะรู้ดีที่สุดว่าอะไรดี อะไรควรปรับเพื่อให้เหมาะกับการทำงาน

กระบวนการในการเริ่มดีไซน์ชุดใหม่เริ่มตั้งแต่ต้นปี 2566 ได้เริ่มตั้งคณะกรรมการจากหลายฝ่าย ที่สำคัญก็คือ คีย์แมนขององค์กรอย่าง CEO “เป้–ชาตยา สุพรรณพงศ์” และ COO “เรืองชาย สุพรรณพงศ์” ได้เข้าร่วมประชุมทุกครั้ง รวมไปถึงการจัดตั้งทีมเพื่อไปทำความเข้าใจกับพนักงานในแต่ละสาขา

Bar B Q plaza

ได้ลงพื้นที่ทั้งหมด 11 สาขา พูดคุยกับพนักงานหลายตำแหน่ง พนักงานเสิร์ฟ ผู้จัดการร้าน เพื่อดูความเห็นว่าชอบอะไร และไม่ชอบอะไร จนได้บทสรุปที่ 80 ความคิดเห็น ยกตัวอย่างเช่น ชอบสีเขียว ภูมิใจที่ได้ใส่สีนี้ ไม่ชอบหมวกแข็ง หมวกแก็ปหน้ายาวเกินไป ทำให้เวลาก้มเก็บของไม่ค่อยสะดวก กางเกงผ้าไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ เน็กไทของผู้จัดการยาวเกินไป เป็นต้น

ได้ทำการประชุมทั้งหมด 25 ครั้ง เปลี่ยนรูปแบบชุดไป 3 แบบ จนได้เวอร์ชั่นสุดท้ายในคอนเซ็ปต์ “ฟังฉัน Design” เป็นการดีไซน์จากการฟังเสียงพนักงานจริงๆ

ถึงแม้ว่าเทรนด์ขององค์กรในยุคนี้จะมีการใช้ดีไซเนอร์ชื่อดังในการช่วยออกแบบชุดยูนิฟอร์ม เพื่อความทันสมัย และใส่ความเป็นแฟชั่นให้ชุดด้วย แต่สำหรับบาร์บีคิวพลาซ่ามองว่า พนักงานเป็นดีไซเนอร์ที่ดีที่สุด

“จริงๆ การใช้ดีไซเนอร์ดังๆ เป็นเรื่องที่ดี แต่เรามีความเชื่อขององค์กรว่า คนที่เป็นดีไซเนอร์ที่ดีที่สุดคือ พนักงาน เพราะดีไซน์มาจากสิ่งที่เขาได้ให้ความเห็น สิ่งที่เขาได้ใช้ทุกวัน”

เน้นสบาย ทำงานคล่องตัว

นาฑีรัตน์เสริมว่า การดีไซน์ในครั้งนี้ได้เพิ่มความเป็นไลฟ์สไตล์ลงไปในยูนิฟอร์มมากขึ้น Casual but Professional Look ดีไซน์ให้สวมใส่ง่าย แต่ได้ลุคเป็นมืออาชีพ ใส่ได้ทุกเพศทุกวัย ไปได้ทุกที่ ใครอยากไปต่อกับเพื่อนๆ ก็ไปได้อย่างมั่นใจ พร้อมสะท้อนภาพลักษณ์ของการเป็นองค์กรแห่งความสุขที่เคารพในความหลากหลาย

Bar B Q plaza

เน้นความสมาร์ท ทันสมัย สวมใส่ง่าย สบาย เลือกเนื้อผ้าสวมใส่สบายผิว ยืดหยุ่นปรับแต่งไซส์ได้ตามความชอบ การดูแล และการรีดง่ายขึ้น ช่วยประหยัดเวลาและพลังงานต่อโลก ในส่วนยูนิฟอร์มเก่าจะถูกจัดการอย่างมีประโยชน์ต่อโลกเช่นกันด้วยการส่งต่อไปยัง N15 Technology ให้นำยูนิฟอร์มเก่าแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงที่ใช้ทดแทนถ่านหินในเตาเผาปูนซีเมนต์ รวมถึงการจัดกิจกรรมภายใน จัด Exhibition ให้เห็นวิวัฒนาการในแต่ละยุคของยูนิฟอร์มบาร์บีคิวพลาซ่า

ยูนิฟอร์มนี้มีความเป็น Unisex สามารถใส่ได้ทุกเพศสภาพ ไม่จำกัดอายุ รวมไปถึงผู้เป็นกลุ่ม LGBT และผู้พิการก็สามารถใส่ได้

Bar B Q plaza

โดยที่ยูนิฟอร์มใหม่ มี “ฟังฉัน Design” ยกตัวอย่างเช่น

  • พนักงานเสิร์ฟ : หมวกเบากว่าเดิม ใส่สบายขึ้น หน้าสั้นขึ้น เรียบร้อยแต่ฟังก์ชันขึ้น เหมาะการก้ม เสื้อแขนสั้น ยืดหยุ่น กางเกงแนวคาร์โก้ ใส่สบายไม่รัดรูป มีกระเป๋าใส่อุปกรณ์ได้เยอะ ลุกนั่งสบาย
  • ผู้จัดการ : เสื้อแขนยาว แต่พับแขนขึ้นได้สะดวก ไม่มีโบ หรือเน็กไท ทำให้ใช้เวลาแต่งตัวสั้นลง เน้นการสวมใส่สบาย แต่ยังมีความแตกต่าง มีความเป็นผู้บริหารสาขา

ถ้าถามว่าหลังจากจากนี้วงจรในการเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มจะสั้นลงหรือไม่ นาฑีรัตน์บอกว่า ขึ้นอยู่กับการรับฟังพนักงานอีกครั้ง เพราะต้องบอกว่าอย่างไรแล้วชุดยูนิฟอร์มก็ยังไม่ได้เพอร์เฟกต์กับพนักงานทุกคน ยังมีบางอย่างต้องปรับเปลี่ยนอยู่เสมอเพื่อให้เหมาะกับการทำงาน

Bar B Q plaza

ส่งต่อประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า

ปัจจุบันบาร์บีคิวพลาซ่ามีพนักงานที่สาขารวม 3,500 คน แบ่งเป็นพนักงาน Full-time จำนวน 2,500 คน และพนักงาน Part-time อีก 1,000 คน รวมไปถึงผู้จัดการร้านอีกราวๆ 250 คน

จุดประสงค์หลักในการเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มนั้น นอกจากจะอำนวยความสะดวกให้พนักงานแล้ว ยังเป็นเรื่องของจิตวิทยาในการบริการอย่างหนึ่งด้วย ต้องการให้พนักงานภูมิใจ ว่าเป็นองค์กรเริ่มจากการฟังพนักงาน มีประสบการณ์ที่ดี มีเรื่องปรับอยู่บ้าง ทั้งชอบและไม่ชอบ ต้องการให้พนักงานเข้าใจแนวคิดนี้ ว่าการที่ฟังใครสักคนอย่างตั้งใจ ทำให้ไปถึงหน้าสาขาได้

Bar B Q plaza

สุดท้ายแล้วเมื่อพนักงานได้ประสบการณ์ที่ดี ก็จะส่งมอบประสบการณ์ และความสุขให้กับลูกค้าได้ดีขึ้น

รวมไปถึงการที่ให้พนักงานสามารถใส่ชุดยูนิฟอร์มนี้ไปเที่ยวได้ หรือไปแฮงเอาต์นั่งชิลต่อได้ มิกซ์แอนด์แมตช์กับชุดอื่นๆ ได้ ไม่ต้องเปลี่ยนชุด สามารถภูมิใจในการใส่ชุดนี้ได้