กฎแห่งการ Remix กับ 10 เทรนด์แอพฯ ที่ต้องรู้

พฤติกรรของผู้บริโภคปัจจุบันส่วนใหญ่ที่เห็นกันประจำก็คือ เมื่อตื่นนอนแล้วก็หยิบสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตขึ้นมา แล้วก็ทำสิ่งต่างๆ ดังนี้

– อ่านข่าว

 – ค้นหาข้อมูลที่ต้องการ

– เข้าโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค โพสต์ข้อความ รูป คอมเมนต์ แชร์ เช็กอิน

– โหลดหนังสือมาอ่าน 

– เล่นเกมสบายๆ คนเดียว หรือเล่นโซเชี่ยลเกมกับเพื่อนที่อยู่ต่างสถานที่

– ช้อปปิ้ง 

– เปิดบทสวดมนต์ก่อนนอน

ทั้งหมดมาจากอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟน หรือแท็ตเล็ตที่อยุ่ในมือผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นสื่อให้คอนเทนต์ในรูปแบบแอพพลิเคชั่นเติบโต

และนี่คือโอกาสของนักพัฒนาแอพฯ กับการเติบโตในอาชีพและรายได้ในอนาคต แต่จะทำอย่างไรให้ไปกับขบวนนี้ได้อย่างสวยงาม มาฟังคำตอบกัน

 

พัฒนาแอพฯ แบบ “World of Remix”

การพัฒนาแอพฯ ในปัจจุบัน เป็นแบบ “World of Remix” คือโลกแห่งการผสมผสานเทคโนโลยี เหมือนกับว่าถ้าผมมีเพลงอยู่ 1เพลง และผมต้องการRemixสิ่งที่ผมต้องทำคือCopyเพลงนั้นออกมาก่อน และนำเพลงนั้นไปเปลี่ยนแปลงConvertให้ไม่เหมือนเดิม และหลังจากนั้นนำไปรวมกับท่อนอื่นๆ พอเห็นภาพไหมครับ ผมเลยเรียกทฤษฎีของผมว่า เป็นกฎRemixเหมือนการ Remix เพลง ที่ก๊อบปี้ แปลงและนำไปรวมกับท่อนอื่น กลายเป็นเพลงใหม่ คือประกอบด้วย3C : Copy + Convert + Combine

ปัจจุบันมีการใช้หลักการนี้ในการสร้างสรรค์แอพฯ คือการดึงเอาแนวคิดที่ประสบความสำเร็จต่างๆ มีผู้ใช้งานมากๆ นำมาต่อยอดปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสินค้าของตัวเองให้ตรงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการและผสมรวมกับทั้ง Featuresที่ติดมากับตัวมือถือ เช่น กล้อง, GPS, NFCร่วมกับSocial Networkและรองรับการใช้งานข้ามPlatformในกลุ่มจอต่างๆ หรือ Display Platform คือจอมือถือ คอมพิวเตอร์ จอโซเชี่ยลเน็นตเวิร์ค จอทีวี

นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่กำลังมาของระบบCloud Services ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงแอพฯ และคอนเทนต์ทุกที่ ทุกเวลา และทุกอุปกรณ์ (Anywhere, Anytime and AnyDevice)

จากแนวโน้มแอพฯ และควรจะพัฒนาต่อไปอย่างไร คำตอบคือ สิ่งที่ควรศึกษาเป็นสิ่งแรกคือมือถืออะไรที่จะออกมาบ้าง เพราะการที่เรารู้ว่าDevice (Hardware)จะมี Featureอะไรออกมา จะทำให้รู้ว่าแอพฯ หรือซอฟต์แวร์ จะเป็นอะไรได้บ้าง

ทั้งนี้สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ที่เตรียมเปิดตัวในปี 2012 และที่เปิดตัวไปแล้ว ส่วนใหญ่มีสเปกที่จอแจ่มชัดขึ้น กล้องความละเอียดสูงขึ้นอย่างต่ำคือ 8 ล้านพิกเซล การประมวลผลเร็วขึ้น สเปกแน่นขึ้น หลายแบรนด์เสนอ Quad-Core และรองรับเครือข่ายมือถือ 4G และมี NFC ที่ขนกันมาเกือบทุกแบรนด์ไม่ว่าจะเป็นไอโฟน 5 ซัมซุง เอชทีซี (อ่านล้อมกรอบเพิ่มเติม : สุดยอด 12 สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต 2012)

 

เมื่อรู้แล้วสเป๊กของเครื่องที่คนใช้เล่นแอพฯ มีอะไรบ้าง ก็จะเห็นถึง 10 แนวโน้มแอพฯ ในอนาคตดังนี้

1.NFC : Near Field Communication เพราะมือถือทุกค่ายต่างใส่ NEC มา โดยมุ่งเน้นความสามารถตัดเงินบนมือถือเหมือนเป็นกระเป๋าตังค์  เช่น ทำให้เกิดโมบายล์คอมเมิร์ซได้ง่ายกว่าเดิม

2.แผนที่แบบ 3มิติ และLBS : Location Based Services เพื่อหาตำแหน่งที่อยู่ขณะนั้น ผ่านทางGPหรือ Internetเมื่อได้ตำแหน่งก็สามารถนำไปต่อยอดบริการ เช่น ต่อเข้าSocial Network Check-inทำActivityต่างๆ ผ่านทางการบอกตำแหน่งนั้นๆ, เพิ่มDeal/Discounที่อยู่ใกล้เคียง หรือขายAdvertisingเป็นต้น  ยิ่งเมื่อเป็น3มิติก็ยิ่งมีลูกเล่น

3.Mobile Facebook Application ที่หลากหลายมากขึ้น ที่ Facebookออกมาให้ข่าวแล้วว่าจะเพิ่ม60 แอพฯ ลงในTimeline ที่แบรนด์ต่างๆ สามารถใช้เพื่อสร้างกิจกรรมเชื่อมโยงกับลูกค้าได้มากขึ้น

4. Mobile Instant Messaging นอกจากที่ฮิตกันOTT Player WhatsApp, LINEที่เป็นเสมือนโปรแกรมสามัญประจำเครื่องกันไปแล้ว ปีนี้ที่น่าจับตามองคือSkypeของMicrosoftที่เขาซื้อมาแล้ว1ปี จะเป็นFeatureสำคัญของWindows Phone

5.Social Gaming ขยายผู้เล่นกว้างมากขึ้น จากการดู Profile ของSocial Gamersทั่วโลก ตอนแรกเข้าใจว่าน่าจะเป็นกลุ่มเด็ก เพราะเป็นเกม แต่จริงๆ แล้วกลุ่มส่วนใหญ่ที่เล่นคือกลุ่มอายุ 22-60+ และอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 43ปี อ้าวแก่แล้วนี่หว่า เป็นกลุ่มFirst Jobberวิธีสร้างรายได้ของSocial Gameคือ Advertising หรือ Sell Game Item ซึ่งก็เป็นอะไรที่สร้างรายได้ที่น่าสนใจทีเดียว  

6.Web2.0 จะหันมาใช้ HTML5 เพื่อแสดงผลบนมือถือเพิ่มขึ้น เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับกลุ่มที่ทำ Website โดยประหยัดงบประมาณมากกว่าทำ แอพฯ 

7.Object Recognition ไม่ว่าจะเป็น Face recognition หรือ AR : Augment ส่วนหนึ่งเพราะกล้องมีความละเอียดสูงมากขึ้น ทำให้ประมวลผลภาพแม่นยำ เช่น ส่องสินค้าบอกสรรพคุณแสดงวีดิโอการใช้งาน หรือ ส่องหน้าคนนี้แล้วรู้ว่าเขามี Social Network อะไรใช้อยู่บ้าง นอกจากนั้น ยังสามารถทำ AR Game ได้อีกหลากหลายรูปแบบด้วย 

8.Cloud Computing Services  องค์กรขนาดใหญ่ให้ความสำคัญกับการสร้าง Private Cloud มากขึ้น  เพื่อความต่อเนื่องของธุรกิจ และปีที่แล้วยังได้แรงส่งจาก iCloud ของแอปเปิล และกำลังจะออก OS X Mountain Lion  ที่เปลี่ยน Interface OS X เดิมให้เหมือน iPad มากขึ้น 

9.Internet TV Application   นอกจากที่ผู้ผลิตทีวีชูจุดขาย ทีวีต่อเน็ต เล่น Facebook, Twitter, YouTube ได้ ต่อไปก็นำ Content ต่างๆ มาใส่เป็นแอพฯ และเชื่อมต่ออุปกรณ์ดิจิตอลกับทีวีที่เรียกว่าDLNA : Digital Living Network Alliance 

แอพฯ ที่เกิดขึ้น เช่น สามารถนำหนัง, เพลง, เกมจากมือถือไปแสดงผลบนจอ แต่ใช้มือถือเป็นตัวควบคุม เป็นต้น 

และยังมีการนำ Web Browser เข้าไปใส่ ดังนั้นยังคงสามารถเกิด Web App ได้อีกมากมาย อีกทั้งรองรับ HTML5 ซึ่งเมื่อสร้างบนมือถือแล้วก็สามารถไปแสดงบนทีวีได้เช่นเดียวกัน 

10.อุปกรณ์เสริมต่อกับสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต โดยผ่านแอพฯ เพราะเป็นอุปกรณ์ติดตัวลูกค้าตลอดเวลา และยังสร้างภาพลักษณ์ความทันสมัยให้กับสินค้าของเขาด้วย ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์, โคมไฟ, เตาอบ, ตู้เย็น, ทีวี, วิทยุ 

 

สำหรับคำแนะนำนักพัฒนาแอพฯ รุ่นใหม่ที่อยากเติบโตในตลาดแอพฯ ที่กำลังสดใสนั้น นอกจากคุณสมบัติความรู้พื้นฐานแล้ว ยังต้องมี 5In ดังนี้

1.Initiate เป็นคนมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดอะไรใหม่ๆ ในทางที่ดี

2.Inspiration ต้องมีแรงบันดาลใจ มุ่งมั่น แม้ต้องพบกับอุปสรรคก็ต้องพยายามให้สำเร็จจนได้ 

3.Independent มีอิสระทางความคิด คิดนอกกรอบ คิดกว้างแบบ 360 องศา จะได้ทำอะไรไม่ซ้ำใคร 

4.In Trends ทันสมัยใฝ่รู้ หมั่นอัพเดทความรู้ตัวเองเสมอๆ ใส่ใจเหตุการณ์ปัจจุบัน ไม่ล้ำสมัยเกินไปจนเหมือนเพ้อฝัน แต่ทันสมัยทำให้รอบรู้และสามารถตอบสนองต่อความต้องการตลาดในปัจจุบันได้ 

5.In Love ไม่ว่าจะทำงานอะไร สิ่งสำคัญที่สุดคือ รักในสิ่งที่ทำ เมื่อนั้นเราจะทำมันออกมาได้ดี  

 

สุดยอด 12 สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต 2012

1.iPhone 5 ที่ลือกันว่าจะใช้ชื่อว่า iPhone 5 SJ ซึ่งย่อมาจาก Steve Jobs เพื่อเป็นที่ระลึกการจากไป สิ่งที่ติดตามมาที่สำคัญคือ เป็น Quad-core A6 iOS 5.1 และรองรับ 4G LTE และมี NFC ติดมากับเครื่อง  อาจไม่มี Home Button และเปลี่ยนมาใช้ Gesture Control  

2. New iPad มากับสเปกประมวลผล Dual-core A5Xใช้ iOS 5.1 รองรับ 4G/LTE  หน้าจอแสดงผลRatina VIDEO HD 1080P 2048×1536 กล้องหลัง 5MP

3.Nokia Lumia 900 วินโดวส์ 7 ตัวแรกของโนเกีย เปิดตัวในงาน CES 2012 เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา สเปก ความเร็วประมวลผล 1.4 GHz processor รองรับ 4G LTE 

4.BlackBerry 10 : มือถือที่เน้นกล้องตัวแรกของบีบี ด้วยขนาด 8 ล้านพิกเซล  1.5 GHz Processor, 1 GB RAM  และเปลี่ยน UI แบบที่เรียกว่า Dramatic Shift ดูเป็นวัยรุ่นมากขึ้น เหมาะกับการ Touch มากขึ้นด้วย  

5.Amazon Kindle Phone จอ 4 นิ้ว กล้อง 8 ล้านพิกเซล มือถือตัวแรกของอเมเซอน หลังจากที่ Amazon เปิดตัวแท็บเล็ต Kindle Fire ที่เป็น Android ขายราคา

6.Facebook Mobile Phone เป็นมือถือเฟซบุ๊กเครื่องแรก โดย HTC Android ภายใต้โค้ด ‘Buffy’.น่าจะมี NFC เพื่อต่อเข้ากับ Facebook Credit และนำ Facebook Ecosystem มาใส่บนมือถือทั้งหมด

7.HTC Edge : Quad-core processors ของแอนดรอย์ดโฟนรุ่นแรก

8.Intel’s Android phone : เป็นAtom processor รุ่นแรก บนแอนดรยด์  4.0 โค้ด ‘Medfield’ 

ตัวนี้มีจุดเด่นตรงที่ CPU เป็น Atom และเป็นมือถือ Smartphone ตัวแรกของ Intel ที่จะมาลงในตลาดนี้  โดยยังมีกล้อง 8MP burst-mode ถ่ายรูป 10 ภาพได้ใน 1 วินาที 

9.HTC Ville บางสุดที่  8 mm. รันบนแอนดรอยด์ Ice Cream Sandwich. จอ 4.3 นิ้ว HD Super AMOLED display Full HD 1080P  ไม่มี NFC

10.Panasonic Phone กล้องกันน้ำกันฝุ่น รันบนแอนดรอยด์ จอ 4.3 นิ้ว HD  มี NFC

11.LG Optimus 3D MaxThe First phone 3D with video editing เป็นมือถือรุ่นแรกที่มีการถ่าย video แบบ 3 มิติและสามารถแก้ไขได้ 

มีมาตราฐาน DLNA เพื่อเชื่อมเข้ากับ Internet TV ด้วย แสดงว่าเตรียมการมาอย่างดี เตรียมสร้าง Ecosystem ของ LG ไว้แล้วด้วย 

12.Sailing Flexible Phone มือถือซัมซุงตัวแรก AMOLED  4.5 นิ้ว ที่สามารถบิดจอเพื่อให้เห็นมุมมองใหม่ได้