AWS ประเทศไทยได้แถลงแผนธุรกิจในปี 2024 โดยเจาะไปที่ลูกค้า 8 กลุ่มอุตสาหกรรมในไทย จากปัจจัยการเติบโตของตลาด Public Cloud นั้นเติบโตเฉลี่ย 18.6% ต่อปีจนถึงปี 2027 และยังรวมถึงเทรนด์การเข้ามาของ Generative AI
วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager ประจำ AWS ประเทศไทย ได้กล่าวถึง การทำธุรกิจในประเทศไทยนั้นเริ่มต้นในปี 2015 เป็นต้นมา รวมถึงการเปิดให้บริการอื่นๆ เช่น Cloudfront ในปี 2020 และล่าสุดคือ AWS ได้เพิ่มการลงทุนใน ASEAN และมีแผนที่จะเปิดราย AWS Regions อีก 4 แห่ง ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้น
โดย AWS มีแผนที่จะลงทุนในประเทศไทยมากกว่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 190,000 ล้านบาท ในประเทศไทยภายในระยะเวลา 15 ปี และจะมีการเปิด AWS Bangkok Region ซึ่งตอนนี้บริษัทกำลังพัฒนาโครงการดังกล่าว
Country Manager ประจำ AWS ประเทศไทย ยังกล่าวว่า AWS มาลงทุนในประเทศไทยไม่ใช่แค่ลงทุนแค่ Data Center เดียวเท่านั้น แต่ลงทุนมากกว่านั้น เนื่องจากการทำระบบ Cloud ต้องใช้หลาย Data Center ซึ่ง 1 Zone จะเท่ากับ 3-4 Data Center แต่ละประเทศนั้นจะมีไม่น้อยกว่า 3 Zone
8 อุตสาหกรรมที่ AWS ประเทศไทย มุ่งเน้นในปี 2024 ได้แก่ อุตสาหกรรมบริการการเงิน ค้าปลีก ยานยนต์ ดิจิทัล พลังงาน การผลิต ด้านสุขภาพ รวมถึง TMEG (โทรคมนาคม, สื่อ, ความบันเทิง, เกม) โดย AWS ประเทศไทยจะแนะนำการใช้บริ
วัตสัน ได้กล่าวถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่การประหยัดแค่ค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว แต่การใช้ Cloud ของกลุ่มลูกค้าใน 8 อุตสาหกรรมเหล่านี้ต้องตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะเจาะจงของลูกค้าด้วย
ขณะเดียวกัน AWS ยังมีการจัดโครงสร้างทีมในประเทศและในระดับภูมิภาค AWS และยังรวมถึงการจัดงาน AWS Summit ในไทย เพื่อที่จะรองรับการเปิดตัวของ AWS Bangkok Region หลังจากนี้ รวมถึงการพัฒนาบุคลากร ไปจนถึงการ Reskill เพื่อเพิ่มทักษะด้าน Cloud เนื่องจากความต้องการด้านบุคลากรที่เพิ่มสูงขึ้น
ข้อมูลจาก Semiannual Public Cloud Services Tracker โดย IDC ที่จัดทำในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2023 คาดว่าตลาดบริการคลาวด์สาธารณะในประเทศไทยคาดว่าจะเติบโตถึง 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นเงินไทย 88,845 ล้านบาท) ภายในปี 2027 เติบโตเฉลี่ย 18.6% ต่อปี ทำให้ AWS ยังเชื่อว่าตลาด Cloud ในไทยยังเติบโตได้
ในส่วนของเรื่องปัญญาประดิษฐ์นั้นทีมผู้บริหารของ AWS ประเทศไทย ได้ยกคาดการณ์ปี 2024 ของ Dr. Werner Vogels ซึ่งเป็น CTO ของ Amazon โดยเขามองว่าในอีกหลายปีข้างหน้าที่กำลังจะมาถึงจะเต็มไปด้วยนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มการเข้าถึงเทคโนโลยี และช่วยในเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของเราที่ต้องมีความรวดเร็วเพิ่มขึ้น เริ่มต้นด้วย Generative AI
โดย Dr. Werner มองว่า Generative AI ในปัจจุบันยังมีความลำเอียงเล็กน้อย และยังจำกัดอยู่แต่การใช้ภาษาอังกฤษเท่านั้น
ซึ่ง CTO ของ Amazon มองว่า Generative AI กลายเป็นการรู้จักอย่างแพร่หลาย ขณะที่โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) จะถูกเทรนด้วยข้อมูลทางวั