3 ทริก ตั้งเป้าหมายการลงทุน

โดย ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO Jitta Wealth

ในทุกๆ ครั้ง ก่อนที่คุณจะขับรถ หรือเริ่มออกเดินทางไปที่ไหนสักแห่ง หรือลงมือทำอะไรสักอย่าง การที่คุณรู้ว่าคุณจะมุ่งหน้าไปที่ไหน หรือทำสิ่งๆ นั้นไปเพื่ออะไร เป็นเรื่องที่สำคัญจริงไหมครับ

เส้นทางของการลงทุนก็เช่นเดียวกัน

เริ่มต้นปีใหม่แบบนี้ นอกจากจะเซตเป้าหมายชีวิตแล้ว คุณควรเริ่มกำหนดเป้าหมายการลงทุนไปด้วยพร้อมกัน

วันนี้ผมอยากจะพาคุณมาเรียนรู้เรื่องการกำหนดเป้าหมายการลงทุนของตัวเองก่อนจะเริ่มต้นลงทุน เพื่อให้คุณรู้ว่าควรเตรียมตัวยังไง วางกลยุทธ์แบบไหน เพื่อพิชิตเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะการมีเป้าหมายนั้นสำคัญ

​การกำหนดเป้าหมายจะช่วยให้จิตใจคุณเข้มแข็งขึ้น เพราะคุณจะสามารถเตรียมใจว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้างที่รออยู่ข้างหน้า และวางกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อพิชิตเป้าหมายนั้น เมื่อคุณได้เตรียมตัวเตรียมใจและมีความพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นระหว่างทางแล้ว แม้ในบางครั้งที่คุณอาจจะรู้สึกท้อบ้าง แต่การมองไปที่เป้าหมายและเห็นว่าเราเดินมาไกลแล้ว หรือยิ่งกว่านั้นคือรู้ว่าใกล้จะถึงเส้นชัย มันก็จะช่วยให้คุณมีแรงฮึดสู้ได้ไม่น้อยเลย     ​

การลงทุนก็เช่นกันครับ หากคุณตั้งเป้าหมายไว้ที่การลงทุนระยะยาว คุณก็จะสามารถเตรียมใจรับมือกับความผันผวนในระยะสั้นได้ พร้อมทั้งเตรียมตัวโดยการเดินหน้า DCA เพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุนรับมือความผันผวนที่เกิดขึ้น และมุ่งหน้าสู่เป้าหมายต่อไป

ดังนั้นก่อนจะเริ่มลงทุน เรามาลองตั้งเป้าหมายกันก่อนครับ

การกำหนดเป้าหมายด้วยความเสี่ยง

ผมแนะนำให้คุณเริ่มต้นจากสำรวจระดับความเสี่ยงที่ตัวเองรับไหวก่อน

เพราะหากคุณกำหนดเป้าหมายไปเลยโดยที่ไม่รู้ว่ามีความเสี่ยงแบบไหนรออยู่ เมื่อคุณลงทุนได้สักระยะ แล้วต้องเจอกับความเสี่ยงที่สูงเกินกว่าคุณจะรับมือได้ อาจทำให้คุณต้องยอมแพ้และล้มเลิกการลงทุนนั้นไปอย่างน่าเสียดาย

ดังนั้น หากคุณรู้ว่าตัวเองสามารถรับความเสี่ยงได้แค่ไหน ก็สามารถตั้งเป้าหมายบนระดับความเสี่ยงที่รับได้ เพื่อจะได้มองหาเส้นทางหรือกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม​และไปถึงได้จริง อาทิเช่น

หากคุณรับความเสี่ยงได้น้อย ก็ลองตั้งเป้าผลตอบแทน 2-5% แล้วลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงน้อยๆ อย่างตราสารหนี้ เช่น หุ้นกู้ พันธบัตร ก็จะทำให้คุณอุ่นใจและไม่เครียดเกินไป

แต่หากคุณคิดว่าคุณสามารถรับความเสี่ยงได้ปานกลาง ก็สามารถตั้งเป้าผลตอบแทนระดับกลางๆ 5-8% และสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงสูงขึ้นอย่างการลงทุนในกองทุนรวม ที่มีทั้งหุ้น และตราสารหนี้

หากคุณอายุยังน้อยหรือใจถึงมากพอที่จะรับความเสี่ยงได้สูง ผมแนะนำให้ลองตั้งเป้าผลตอบแทนได้มากกว่า 8%  และเลือกสินทรัพย์เสี่ยงได้เต็มที่มากขึ้น อย่างลงทุนในตราสารทุน เช่น หุ้นต่างๆ

กำหนดเป้าหมายด้วยระยะเวลา

อีกวิธีในการกำหนดเป้าหมายคือนำเรื่องของ ‘เวลา’ มาเป็นเกณฑ์ กล่าวคือคุณต้องสำรวจตัวเองว่าต้องการลงทุนเป็นระยะเวลานานเท่าไหร่ จากนั้นจึงตั้งเป้าหมายให้เหมาะสมกับระยะเวลาที่คุณสามารถทำได้

เช่นหากคุณต้องการลงทุนระยะสั้นๆ ไม่เกิน 1 ปี คุณอาจต้องกลับมามองถึงข้อจำกัดเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น ระยะเวลาการสร้างผลตอบแทนของสินทรัพย์นั้นๆ ที่จำกัด รวมถึงความเสี่ยง และค่าธรรมเนียมที่อาจเพิ่มขึ้น

เช่นต้องการลงทุนระยะสั้น ไม่เกิน 1 ปี แต่ไม่อยากรับความเสี่ยงที่สูง ก็อาจคิดมากหน่อยว่าใน 1 ปีนั้นสินทรัพย์ที่เราลงทุนต้องไม่ผันผวนมากนัก ก็ต้องลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น

หรือหากสามารถรับความเสี่ยงได้ก็อาจลงทุนในหุ้นกลุ่มเติบโตที่มีความผันผวนของราคาสูง ซึ่งก็มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินต้นสูงเช่นกัน

หากมีเวลาลงทุนระยะกลาง 1-3 ปี ก็จะมีสินทรัพย์ให้เลือกลงทุนได้หลากหลายมากขึ้น ความเสี่ยงต่ำกว่าระยะสั้น มีระยะเวลาสร้างผลตอบแทนมากขึ้น แต่ก็ต้องวางแผนให้รัดกุมเช่นกัน

แต่ถ้าคุณหนักแน่นพอ ควรเลือกการลงทุนที่มีเป้าหมายระยะยาว 5 ปีขึ้นไป เพราะจะความเสี่ยงต่ำลง และมีทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น สามารถปล่อยให้สินทรัพย์ค่อยๆ สร้างผลตอบแทน แต่อย่างว่านะครับ ระหว่างทางจะมีข่าวสารต่างๆ มากระทบจิตใจได้บ้าง ดังนั้นนักลงทุนที่เลือกเส้นทางนี้ต้องมีความหนักแน่นมากทีเดียว

กำหนดเป้าหมายด้วยวัตถุประสงค์การใช้เงิน

การลงทุนเพื่อเป้าหมายอะไรสักอย่าง จะทำให้คุณสามารถมองหาการลงทุนที่เหมาะสมได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านระยะเวลา หรือความเสี่ยง รวมทั้งสามารถกำหนดกลยุทธ์เพื่อให้สามารถไปถึงเป้าหมายได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้เป้าหมายนั้น จะต้องเป็นสิ่งที่คุณสามารถทำได้จริงบนระยะเวลาที่มี ดังนั้นสำรวจและถามใจตัวเองไปเลยครับว่าลงทุนครั้งนี้มีไปเพื่ออะไร และคุณจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ บนการลงทุนแบบไหนเพื่อบรรลุเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น ลงทุนเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูก

แน่นอนว่าคุณต้องการรูปแบบการลงทุนที่ค่อนข้างมั่นคงพอที่จะส่งลูกเรียนได้ระยะยาว ก็ต้องมองการลงทุนที่ความเสี่ยงน้อยลงมาหน่อย บนระยะเวลาที่จะต้องใช้เงินก้อนนั้น หรือลงทุนเพื่อเก็บเงินไว้ใช้ยามเกษียณ

นอกจากเรื่องระยะเวลาและความเสี่ยง อาจต้องเพิ่มทุนอย่างสม่ำเสมอ (DCA) เพื่อให้พอร์ตเติบโตได้ไวขึ้น เพื่อให้เงินต้นค่อยๆ เติบโต เพียงพอสำหรับอนาคต เมื่อถึงวันที่เราไม่มีรายได้ใหม่เข้ามาเติมพอร์ต

ที่สำคัญต้องกำหนดระยะเวลาให้ชัดเจน และไม่ล้มเลิกกลางคัน หรือเข้าๆ ออกๆ จากตลาด

แต่ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดเป้าหมายแบบใด แต่เป้าหมายต้องมีความเป็นไปได้ สอดคล้องกับความเป็นจริงและดูสมเหตุสมผล พร้อมกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน เพื่อให้นักลงทุนสามารถจัดลำดับความสำคัญของแต่ละเป้าหมายได้

เมื่อได้เป้าหมายแล้วเราถึงจะมองหากลยุทธ์ที่เหมาะสม เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมเงินให้พร้อม

และในระหว่างที่ก้าวเดินไปสู่เป้าหมาย อย่าลืมทบทวนตัวเอง ว่าเรายังคงเดินอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องอยู่เสมอ

มองเป้าหมายเป็นเส้นชัย เก็บเกี่ยวประสบการณ์ระหว่างทาง เพื่อเดินหน้าไปสู่เป้าหมายที่ท้าทายยิ่งขึ้นต่อไป

มีเป้าหมายแล้ว กลยุทธ์พร้อม ใจพร้อม คุณทำได้!

ปี 2567 นี้ตั้งเป้าอะไรไว้ และตอนนี้คุณมาได้ไกลแค่ไหน อย่าลืมมาแชร์กันนะครับ