มาถูกทาง! ‘เอปสัน’ คาดโต 8% แม้ตลาดติดลบ หลังเดินหน้าลุยตลาด B2B พร้อมมองเทรนด์ ‘ซับสคริปชัน’ โอกาสใหม่

หากพูดถึงภาพรวมตลาดไอทีไทยในปี 2023 ที่ผ่านมามีมูลค่า 28,618 ล้านบาท หดตัวถึง 14.7% และหากเจาะไปในตลาดปริ้นเตอร์มูลค่า 2,720 ล้านบาท ลดลง 4% และเชิงปริมาณ 669,000 เครื่อง ลดลง 7% อย่างไรก็ตาม เอปสัน คาดว่าผลประกอบการจะสามารถเติบโตได้ 8% สวนทางตลาด เพราะว่าการเบนเข็มไปจับตลาด B2B

มั่นใจโต 8%

ตามปีปฏิทินของ เอปสัน (Epson) จะปิดปี 2023 ที่ไตรมาส 1 ปี 2024 หรือประมาณอีก 1 เดือน ซึ่ง ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เชื่อว่าเอปสันประเทศไทยจะสามารถเติบโตได้ 8% แม้ว่าภาพรวมตลาดไอทีจะติดลบก็ตาม เพราะโปรดักส์หลายอย่างสามารถเติบโตได้ในปีที่ผ่านมา ได้แก่

  • เครื่องพิมพ์ป้ายโฆษณา Epson SureColor S-series เติบโต 37% เนื่องจากสื่อ Out Of Home กลับมาถูกเลือกใช้มากขึ้นหลังวิกฤตโควิด อีกทั้ง บริษัทฯ สามารถดึงผู้ประกอบการที่เคยใช้เครื่อง Non-brand
  • เครื่องพิมพ์มินิแล็บ Epson SureLab ที่โตขึ้นในปีนี้เกือบ 10% ซึ่งเป็นผลจากธุรกิจรับพิมพ์ภาพขนาดย่อมในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ที่ได้แรงหนุนจากกระแสการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ทำให้เกิดการลงทุนซื้อในกลุ่ม Startup และ SME
  • เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสำหรับองค์กร Epson WorkForce โตเกือบ 30% โดยเป็นการการชิงส่วนแบ่งตลาดจากเครื่องถ่ายเอกสารตามสำนักงานที่เคยใช้เทคโนโลยีเลเซอร์
  • สแกนเนอร์ เติบโตขึ้น 37% ซึ่งได้รับอานิสงค์จากการที่ พ.ร.บ.การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้ ทำให้หน่วยงานราชการหลายแห่งจำเป็นต้องทำเอกสารดิจิทัล เพื่อให้บริการประชาชนผ่านระบบออนไลน์ รวมไปถึงธนาคาร ห้องสมุด และสถาบันศึกษาที่ต้องการเก็บข้อมูลถาวรในรูปแบบดิจิทัล และองค์กรธุรกิจที่เริ่มทำงานผ่านระบบเครือข่ายมากขึ้น
  • โปรเจคเตอร์ เติบโตเกือบ 20% โดยส่วนใหญ่มาจากกลุ่มเลเซอร์โปรเจคเตอร์ความสว่างสูงตั้งแต่ 5,000 ลูเมนขึ้นไปและสามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ และเลเซอร์โปรเจคเตอร์เพื่อธุรกิจ เช่น Epson 2000-series

อย่างไรก็ตาม มีสินค้าบางกลุ่มที่เติบโตได้น้อย อาทิ เครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ ที่ตลาดมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงในด้านราคา อย่างไรก็ตาม เอปสันยังคงเป็นผู้นำตลาดโดยมีส่วนแบ่งตลาดที่ 57% นอกจากนี้ กลุ่มเครื่องพิมพ์สิ่งทอ และ กลุ่มหุ่นยนต์แขนกล ก็ไม่เติบโต

กลุ่มหุ่นยนต์ปีก่อนไม่เติบโต แม้มีออเดอร์แต่มีการระงับการติดตั้ง เพราะต้องยอมรับว่าการลงทุนเปิดโรงงานในไทยปีก่อนนั้นไม่ค่อยดี แต่หวังว่าปีนี้จะฟื้น เพราะเห็นเทรนด์ของแบรนด์อีวีที่เข้ามา อย่างไรก็ตาม สินค้าของเอปสันจะเป็นแขนกลสำหรับผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ระดับสูง ดังนั้น จะเน้นที่ความซับซ้อนและคุณภาพ ไม่ได้ใช้ในงานทั่วไป”

เติบโตเพราะเน้น B2B

สำหรับตลาดที่หดตัวลงของตลาดไอทีปีที่ผ่านมาเกิดจากปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือนที่สูง ทำให้กลุ่ม B2C (Business to Consumer) นั้นชะลอการจับจ่าย และสำหรับเครื่องพิมพ์ก็ต้องยอมรับว่าลูกค้าในกลุ่ม B2C ส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนนักศึกษากับ SME ดังนั้น ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทิศทางของเอปสันจึงเน้นไปที่กลุ่ม B2B (Business to Business) ซึ่งทำให้ปี 2023 บริษัทสามารถเติบโตได้ โดยปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ B2C ในอดีตคิดเป็น 80% แต่ปัจจุบันเหลือ 60%

“เราเปลี่ยนทิศทางไปโฟกัสที่ตลาด B2B ตั้งแต่ปี 2018 แต่มาปี 2020-2022 ก็ชะงักไปเพราะเกิดวิกฤตโควิด หลายบริษัท Work From Home ปิดออฟฟิศ แต่พอหลังโควิด ทุกบริษัทกลับมาทำงานปกติ ตลาด B2B ก็เติบโต”

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ตลาด B2B ของเอปสันเติบโตก็คือ Sales Model ที่สามารถซื้อขาดหรือใช้ในรูปแบบ ซับสคริปชัน ด้วยบริการ EasyCare ที่ลูกค้าสามารถควบคุมต้นทุนการพิมพ์ของตัวเองได้ ไม่ต้องสต๊อกหมึก เพราะเอปสันจะส่งหมึกให้โดยคำนวณค่าใช้จ่ายจากจำนวนพิมพ์รายแผ่น เป็นต้น นอกจากนี้ เครื่องพิมพ์ของเอปสันมีการลดใช้พลังงาน ซึ่งก็เป็นอีกจุดที่องค์กรให้ความสำคัญกับเรื่อง Sustainability

“เราเห็นเลยว่าองค์กรส่วนใหญ่สนใจที่จะใช้รูปแบบซับสคริปชันมากขึ้น เพราะเขาจ่ายเท่าที่ใช้ ไม่ต้องมากังวลเรื่องเครื่องเรื่องหมึก เราเองก็ชอบเพราะเราจะได้ทำธุรกิจกับเขายาว ๆ ไม่ได้ซื้อครั้งเดียวแล้วจบ ซึ่งเราเชื่อว่าอนาคตรายได้จากซับสคริปชันจะเติบโตมากขึ้น”

มั่นใจปี 2024 ตลาดดีขึ้น

สำหรับภาพรวมตลาดไอทีปีนี้คาดว่าจะ ติดลบ 3-5% ทั้งในด้านจำนวนและมูลค่าตลาด เนื่องจากยังมีปัญจัยลบ ด้านหนี้ครัวเรือนและสภาพเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม เอปสันตั้งเป้าที่จะเติบโตให้ได้ 8% เหมือนกับปี 2023 โดยกลุ่มสินค้าที่เติบโตยังใกล้เคียงกับปี 2023

ทั้งนี้ เอปสันมีแผนจะยกระดับ บริการ ให้ดีขึ้น โดยปัจจุบัน เอปสันมีสาขาทั้งหมด 182 สาขา ทั่วประเทศ และมี 140 สาขาที่ให้บริการ onsite service ซึ่งปีนี้เอปสันจะเพิ่มเป็น 150 สาขา ที่ให้บริการ onsite service นอกจากนี้ เอปสันได้ลงทุนกว่า 30 ล้านบาท สร้าง Solution Center แห่งใหม่บนพื้นที่มากกว่า 600 ตารางเมตร เพื่อใช้เป็นที่จัดแสดงและสาธิตการใช้งานผลิตภัณฑ์ทุกกลุ่มของเอปสัน เพื่อสร้างประสบการณ์จริงให้กับลูกค้าก่อนตัดสินใจซื้อ

“ปกติตลาดไอทีพอหดตัวหนักแล้ว ปีต่อไปมันจะดีขึ้น ดังนั้น ปีนี้เราเลยคิดว่าน่าจะดีขึ้น ส่วนเทรนด์การพิมพ์เรามองว่ามันคงไม่หายไป แต่จะทรงตัวอยู่แบบนี้ เพราะออฟฟิศก็ยังมีการใช้งานอยู่” ยรรยง ทิ้งท้าย