JD Sports ตั้งเป้ารุกตลาดสหรัฐอเมริกาเพิ่ม มองลูกค้าต้องการของใหม่ ไม่กังวลแม้ยอดขายคู่แข่งรายใหญ่จะซบเซา

ภาพจาก Shutterstock
Régis Schultz ซึ่งเป็น CEO ของ JD Sports โดยเขาได้กล่าวว่ากลยุทธ์ของบริษัทคือการรุกตลาดในสหรัฐอเมริกาเพิ่มเติม โดยมองว่าลูกค้าต้องการสิ่งของใหม่ๆ แตกต่างกับปัจจุบันที่มีแต่สินค้าเดิมๆ และจะเพิ่มสาขาของร้านมากกว่านี้ ซึ่งคู่แข่งของบริษัทส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ายอดขายนั้นจะลดลงด้วยซ้ำ

Wall Street Journal สัมภาษณ์พิเศษ Régis Schultz ซึ่งเป็น CEO ของ JD Sports โดยเขาได้กล่าวว่ากลยุทธ์ของบริษัทคือการรุกตลาดในสหรัฐอเมริกาเพิ่มเติม แม้ว่ายอดขายของคู่แข่งในแดนมะกันจะซบเซาก็ตาม รวมถึงจุดอ่อนของคู่แข่งเป็นโอกาสที่จะรุกในตลาดนี้

JD Sports ได้เตรียมเปิดร้านค้าในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากเดิม แผนของบริษัทภายในเดือนมกราคมของปี 2024 บริษัทมีแผนที่จะเปิดร้านค้ามากถึงราวๆ 100 สาขา ในทวีปยุโรปอยู่ที่ 100 สาขา ขณะเอเชียแปซิฟิกอยู่ที่ราวๆ 25 สาขาเท่านั้น

JD Sports ยังตั้งเป้ามีร้านค้าในสหรัฐอเมริกามากถึง 1,300 สาขาภายในปี 2028 ซึ่งมีสาขามากกว่าปัจจุบันมากถึง 900 สาขา เมื่อเทียบกับตัวเลขล่าสุด

ในช่วงที่ผ่านมาแบรนด์จากอังกฤษรายนี้ได้โฟกัสไปยังสปอร์ตแฟชั่น โดย JD Sports สร้างความแตกต่างด้วยการทำการตลาดผลิตภัณฑ์ของตนในรูปแบบแฟชั่นและเจาะจงไปยังกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลัก และแบรนด์ไม่ได้เน้นผลิตภัณฑ์ที่เป็นชุดกีฬาที่เน้นประสิทธิภาพเวลาสวมใส่เท่าไหร่นัก

CEO ของ JD Sports กล่าวว่า “ลูกค้าในสหรัฐฯ ต้องการสิ่งใหม่ๆ ผมคิดว่าพวกเขาคงเหนื่อยแล้ว เพราะร้านในสหรัฐอเมริกามีร้านรองเท้าผ้าใบมากมาย ซึ่งทุกร้านก็ดูเหมือนกันหมด”

นอกจากนี้ JD Sports ยังสร้างความแตกต่างด้วยการทำร้านค้าให้มีความร่วมสมัย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเพลงในร้านที่เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่น การใช้พนักงานที่มีอายุไม่มาก และการเน้นสปอร์ตแฟชั่นที่เน้นภาพลักษณ์แบบสตรีท เมื่อเทียบกับหลายแบรนด์

ปัจจุบันรายได้ของ JD Sports อยู่ที่สหราชอาณาจักร โดยมีสัดส่วนมากถึง 37.8% ขณะที่รายได้จากอเมริกาเหนือซึ่งรวมสหรัฐอเมริกานั้นอยู่ที่ 31.1% จากรายได้รวมทั้งหมดของปี 2023 ซึ่งอยู่ที่ 10,125 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ 456,140 ล้านบาท

ถ้าหากไปดูผลประกอบการแล้วยอดขายสินค้าโดยรวมของ JD Sports ถือว่าเติบโตเมื่อเทียบกับคู่แข่งหลายราย จึงทำให้บริษัทมีความมั่นใจที่จะเจาะตลาด เมื่อเทียบกับคู่แข่งหลายรายที่มองว่ายอดขายของตัวเองนั้นอาจลดลงในช่วงเวลาอันใกล้นี้