หลังจากที่ เทสล่า (Tesla) ยึดตำแหน่งเบอร์ 1 ในตลาด รถอีวี มายาวนานติดต่อกันถึง 9 ปี แต่ในช่วง Q4/2023 ที่ผ่านมาก็ถูกแย่งตำแหน่งโดย บีวายดี (BYD) อย่างไรก็ตาม Tesla ไม่ยอมเป็นเบอร์ 2 นาน โดย Q1/2024 นี้ก็สามารถกลับมาเป็นเบอร์ 1 ได้อีกครั้ง
BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของจีน รายงานยอดขายในไตรมาสแรกปี 2024 อยู่ที่ 300,114 คัน ลดลง 43% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2023 ที่มียอดขายสูงถึง 526,409 คัน ส่งผลให้ BYD ต้องส่งคืนตำแหน่ง เบอร์ 1 ในตลาดรถอีวีให้กับ Tesla แชมป์เก่า หลังจากที่เคยแย่งตำแหน่งมาได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2023
อย่างไรก็ตาม แม้ Tesla จะกลับขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ในตลาดอีกครั้งด้วยยอดขาย 386,810 คัน แต่ถือว่ายอดขายลดลง 20.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2023 และลดลง 8.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2023 นอกจากนี้ อัตราการผลิตยังลดลงประมาณ 1.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้หุ้นของบริษัทลดลง -29% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2022 และลดลงเป็นรายไตรมาสสูงสุดเป็นอันดับสามนับตั้งแต่การเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัทในปี 2010 หุ้นเทสลาปิดลดลงประมาณ 5% ในวันอังคารที่ 166.63 ดอลลาร์ต่อหุ้น
การที่ยอดขายของ BYD และ Tesla ที่ลดลงเป็นผลมาจากความต้องการโดยรวมที่ลดลงและการชะลอตัวของตลาดจีน อย่างไรก็ตาม การที่ Tesla กลับมาครองตำแหน่งเบอร์ 1 ได้อีกครั้ง แสดงให้เห็นว่าอิทธิพลของแบรนด์ระดับโลกของบริษัทจะไม่ถูกล้มได้ง่าย ๆ โดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองบริษัทคาดว่าการเติบโตของยอดขายรถอีวีในจีนในปีนี้จะชะลอตัวลง
สำหรับยอดขายรวมรถยนต์ทุกประเภทของ BYD ในช่วงไตรมาสแรกอยู่ที่ 626,263 คัน เติบโต 13.4% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 แต่ถือว่า ลดลง 33.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2024 ที่ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 944,779 คัน
แม้ว่ายอดขายจะลดลงเมื่อเทียบกับระดับสูงสุด แต่ BYD ได้ตั้งเป้ายอดขายทั้งปีที่ 3.6 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 20% จากยอดขายปีที่แล้ว