สินค้าลักชัวรีที่หลายคนมองว่าปัญหา กำลังซื้อ นั้นไม่ส่งผลกระทบ เพราะเป็นสินค้าที่จับลูกค้ากระเป๋าหนัก อย่างไรก็ตาม ด้วยความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ยอดขายของกลุ่ม LVMH หดตัว 2%
เครือกลุ่ม LVMH ที่ถือครองแบรนด์หรูรวมกว่า 75 แบรนด์ อาทิ Louis Vuitton, Tiffany & Co. และ Bulgari ได้เปิดเผยผลประกอบการช่วง Q1/2024 โดยหดตัว -2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา คิดเป็นรายได้ 2 หมื่นล้านยูโร
โดยกลุ่มสินค้าที่หดตัวมากที่สุดคือ ไวน์และสุรา ลดลง -12% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ สินค้าสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนัง เช่น แบรนด์ Louis Vuitton เติบโต +2% ขณะที่ไตรมาสที่แล้วเติบโต 9%
ส่วนสินค้าประเภท นาฬิกาและจิวเวลรี มียอดขาย ลดลง -2% ในขณะที่หมวดหมู่ น้ำหอมกับเครื่องสำอาง มียอดขายสูงขึ้น +7% ส่วนหมวดหมู่ Selective Retailing มียอดขายสูงขึ้น +11%
โดยยอดขายใน ตลาดเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) ลดลง -6% โดยตลาดสำคัญอย่าง จีน ที่ถือเป็นตลาดที่ขับเคลื่อนภูมิภาคเอเชีย เติบโต 10% และในส่วนของตลาด ญี่ปุ่น สามารถเติบโตได้ถึง +32% โดยได้ปัจจัยสนับสนุนจากการอ่อนค่าของเงินเยน ส่วนยอดขายในตลาด ยุโรป และ สหรัฐฯ เติบโต +2%
ทั้งนี้ Bain & Company บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินคาดการณ์ว่า ตลาดสินค้าหรูมีแนวโน้มเติบโตเพียง 1-4% ในปีนี้ จากที่เคยคาดการณ์ในปีที่แล้วว่าจะเติบโตประมาณ 8-10%