จีนได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเคมีภัณฑ์จากสหรัฐอเมริกา โดยเน้นไปยังกรดโพรพิโอนิก เพื่อตอบโต้สหรัฐอเมริกาที่มีแผนจะขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม ซึ่งความขัดแย้งดังกล่าวนี้กำลังอาจกลายเป็นชนวนสงครามการค้ารอบใหม่ก็เป็นได้
จีนพิจารณาที่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐอเมริก ซึ่งภาษีที่จะปรับเพิ่มขึ้นคือเคมีภัณฑ์นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา เพื่อใช้ในอาหาร หรือแม้แต่ผลิตสินค้าประเภทยา โดยสินค้าสำคัญที่จะขึ้นภาษีคือกรดโพรพิโอนิก (Propionic Acid) ทำให้เกิดความกังวลว่าสงครามการค้าระลอกใหม่ระหว่าง 2 มหาอำนาจกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
ภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกาที่จีนจะขึ้นก็คือสินค้าประเภทเคมีภัณฑ์ โดยอัตราภาษีจะเพิ่มขึ้น 40% ซึ่งผู้ที่นำเข้าสินค้าดังกล่าวนับตั้งแต่วันที่ 20 เมษายนเป็นต้นไปจะต้องมีการวางเงินมัดจำไว้ด้วย
ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ของจีนได้มีการสอบสวนเรื่องดังกล่าว โดยชี้ว่าการนำเข้าเคมีภัณฑ์ โดยเฉพาะกรดโพรพิโอนิกจากสหรัฐอเมริกานั้นส่งผลทำลายอุตสาหกรรมที่ผลิตเคมีภัณฑ์ภายในประเทศ ซึ่งจีนเคยนำเข้าสินค้าดังกล่าวมากถึง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวตามมาหลังจากที่ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เตรียมที่จะขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กรวมถึงอะลูมิเนียมจากจีนเพิ่มเติมโดยให้เหตุผลว่าเพื่อที่จะปกป้องผู้ผลิตจากสหรัฐอเมริกา และชี้ว่าจีนได้ใช้วิธีผลิตสินค้าดังกล่าวจำนวนมากจนล้นตลาด
นอกจากนี้ยังรวมถึงสหรัฐอเมริกากำลังเตรียมที่จะสอบสวนว่าอุตสาหกรรมการเดินเรือ การขนส่งสินค้า หรือแม้แต่อุตสาหกรรมต่อเรือของประเทศจีน นั้นใช้ความได้เปรียบด้านอุตสาหกรรม เพื่อที่จะครอบครองตลาดแต่เพียงฝ่ายเดียวหรือไม่
ทั้งจีนและสหรัฐอเมริกาเคยมีกรณีสงครามการค้ากันมาแล้วในปี 2018 ซึ่งมี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งมองว่าจีนเอาเปรียบสหรัฐฯ ในหลายเรื่อง และมีการปรับอัตราภาษีเพิ่มซึ่งกันและกัน ก่อนที่จะมีการเจรจาซึ่งกันและกัน โดยจีนจะเป็นฝ่ายซื้อสินค้าจากสหรัฐอเมริกาเพิ่มเติม
ต่อมาความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ลงยังส่งผลมายังปริมาณการค้าของสหรัฐอเมริกาและจีนลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยปี 2023 ที่ผ่านมาปริมาณการค้าระหว่าง 2 มหาอำนาจนั้นลดลงเหลือแค่ 17% เท่านั้น และบริษัทในสหรัฐฯ เองก็มีแผนที่จะย้ายกำลังการผลิตออกนอกจีนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยชี้ว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงในเรื่อง Supply Chain
อย่างไรก็ดีการเปิดสงครามด้านการค้าระหว่างกันอีกรอบได้สร้างความกังวลให้กับองค์กรต่างประเทศอย่างกองทุนการเงินระหว่างประเทศแสดงความกังวลในช่วงเวลาหลายปีว่าความขัดแย้งของ 2 มหาอำนาจนี้จะสร้างผลกระทบมหาศาลต่อการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
ที่มา – South China Morning Post