ผู้แทนการค้าของสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวถึงปริมาณการค้าระหว่าง 2 มหาอำนาจ สหรัฐฯ กับจีน ลดลงถึง 17% ในปี 2023 ที่ผ่านมานั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศได้มีการกระจายความเสี่ยง อย่างไรก็ดีหลายฝ่ายมีความกังวลถึงสงครามการค้าอาจกลับมาอีกครั้ง
Katherine Tai ผู้แทนการค้าของสหรัฐอเมริกา ได้ให้สัมภาษณ์กับ BBC ซึ่งเธอกล่าวว่า ปริมาณการค้ากับจีนในปี 2023 ลดลงถือเป็นเรื่องที่ดี แม้ว่าหลายฝ่ายจะกังวลถึงความขัดแย้งด้านเศรษฐกิจโลกจะกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตั้งกำแพงภาษีด้านการค้า
ในปี 2023 ที่ผ่านมาปริมาณการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนลดลงถึง 17% ซึ่งปริมาณการนำเข้าสินค้าจีนโดยสหรัฐฯ เหลือแค่ 427,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่จีนได้นำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ แค่ 148,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เท่านั้น
ผู้แทนการค้าของสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวว่า แม้ปริมาณการค้ากับจีนจะลดลง แต่ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกว่าทั้ง 2 ประเทศมีการกระจายความเสี่ยง ขณะเดียวกันเธอก็มองว่าการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนกำลังได้สร้างแรงกดดันด้านการแข่งขันมากมายทั่วโลก
ก่อนหน้านี้การค้าระหว่าง 2 มหาอำนาจทางเศรษฐกิจได้ทำสถิติสูงสุดในปี 2022 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีปริมาณการค้ากลับลดลงเนื่องจากบริษัทใหญ่ๆ ของสหรัฐฯ จำนวนมากย้ายกำลังการผลิตออกนอกประเทศจีน ซึ่งประเทศที่ได้รับผลประโยชน์ดังกล่าว ได้แก่ อินเดีย เม็กซิโก หรือแม้แต่อาเซียน ในหลายประเทศ
ไม่เพียงเท่านี้รวมถึงผลกระทบจากภาษีทางการค้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายเคยเปิดศึกในสมัย โดนัลด์ ทรัมป์ ยังเป็นประประธา นาธิบดีด้วย และยังมีความเสี่ยงว่าถ้าหากเขาได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง อาจมีมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้น
ความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างทั้ง 2 ย่ำแย่ลงหนักกว่าเดิมเมื่อ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ได้ออกมาตรการจำกัดการส่งออกชิป ขณะที่จีนเองก็ได้ออกมาตรการตอบโต้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการงดการส่งออกแร่หายาก หรือวัสดุที่เกี่ยวข้องกับการผลิตชิป
นอกจากนี้ผู้แทนการค้าของสหรัฐอเมริกา ยังมองว่า องค์การการค้าโลกเองนั้นจะต้องมีการปฏิรูปยกเครื่องครั้งใหญ่ และเธอชี้ว่าองค์การการค้าโลกนั้นต้องตอบสนองต่อประเทศที่เป็นสมาชิกไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ซึ่งประเด็นดังกล่าวมีตั้งแต่เรื่องของการประมงไปจนถึงการการห้ามเก็บภาษี E-commerce ฯลฯ