รู้จัก ‘สัตยา นาเดลลา’ ซีอีโอผู้ดัน ‘ไมโครซอฟท์’ ให้มีมูลค่าแตะ 3 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1,000%

กำลังเดินหน้าลงทุนในอาเซียนแบบฉ่ำ ๆ สำหรับ “สัตยา นาเดลลา” (Satya Nadella) ซีอีโอ ของ ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ไม่ว่าจะเป็นการตั้งดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในไทย, ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านเอไอและคลาวด์ในอินโดนีเซียและมาเลเซีย โดย Positioning จะพาไปรู้จักกับสัตยา ผู้พลิกฟื้นให้ไมโครซอฟท์กลับแซงหน้า Apple เป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดของโลก

สัตยา เกิดเมื่อปี 1967 ที่เมืองไฮเดอราบาด ประเทศอินเดีย พ่อของสัตยาเป็นข้าราชการ ส่วนแม่เป็นศาสตราจารย์ด้านภาษาสันสกฤตโบราณ แม้ว่าในวัยเด็กความฝันของสัตยาจะอยากเป็น นักคริกเก็ต แต่มีอีกสิ่งที่เขาหลงใหลก็คือเรื่องของ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ในส่วนของการศึกษา เขาจบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยมังกาลอว์ (Mangalore University) ในปี 1988 แต่เพราะในมหาวิทยาลัยยังไม่มีคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์ (computer science) เขาจึงเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้าเรียนต่อปริญาโทคณะดังกล่าวที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-มิลวอกี (University of Wisconsin-Milwaukee) ตามด้วยปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยชิคาโก (University of Chicago)

ก่อนจะมาร่วมงานกับไมโครซอฟท์ สัตยาได้เริ่มงานในทีมเทคโนโลยีที่ Sun Microsystems ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่มีนวัตกรรมมากที่สุดบริษัทหนึ่ง จนมาปี 1992 สัตยาก็ได้มาทำงานที่ไมโครซอฟท์ ซึ่งในขณะนั้น บิล เกตส์ (Bill Gates) ยังคงเป็นซีอีโอและระบบ Windows กำลังเข้าสู่ชีวิตของผู้คนทั่วโลก

ภาพจาก Shutterstock

มาในปี 2000 ไมโครซอฟท์ได้ สตีฟ บัลเมอร์ (Steve Ballmer) เป็นซีอีโอคนใหม่ ในหนึ่งปีต่อมา สัตยาก็ได้รับการเลื่อนตําแหน่งให้เป็น รองประธานของ Microsoft Business Solutions ดูแลธุรกิจซอฟต์แวร์ด้านบัญชีและ CRM และในปี 2007 เขาก็ก้าวขึ้นเป็น รองประธานอาวุโสของ Microsoft Online Services ซึ่งผลงานเด่น ๆ ของเขาก็คือ การทำ Microsoft Office Online และบริการเกม Xbox Live

จนในเดือนกุมภาพันธ์ 2011 สัตยาได้เลื่อนตำแหน่งให้เป็น ประธานแผนก Server and Tools ซึ่งนั่นทำให้เขาเป็นส่วนสำคัญในการผลักดัน Microsoft Azure อีกทั้งสัตยายังสามารถสร้างรายได้จาก Azure กว่า 1.66 หมื่นล้านดอลลาร์ และเพิ่มเป็น 2.03 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2013

อย่างไรก็ตาม ในปี 2013 นั้น ไมโครซอฟท์กําลังประสบปัญหา เพราะในตอนนั้นเป็นยุคของ สมาร์ทโฟน และ Windows Phone ของไมโครซอฟท์นั้นก็ไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร ส่งผลให้สมาร์ทโฟนในระบบปฏิบัติการณ์ iOS และ Android ทิ้งห่าง Windows Phone อีกทั้ง เสิร์ชเอนจิ้นอย่าง Bing ก็ไม่สามารถชนะ Google ได้ นอกจากนี้ บริษัทกําลังเผชิญกับคดีต่อต้านการผูกขาดจากสหภาพยุโรป ขณะที่ราคาหุ้นก็ลดลงเรื่อย ๆ

Satya Nadella ซีอีโอ Microsoft

ส่งผลให้ในเดือนสิงหาคม 2013 บัลเมอร์ได้ออกจากการเป็นซีอีโอ และสัตยาก็ขึ้นมาเป็นซีอีโอคนใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2014 ซึ่งขณะนั้น Microsoft มีมูลค่าบริษัทตามตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

ภายใต้การบริหารของสัตยา เขาได้ฟื้นคืนชีพให้ไมโครซอฟท์กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง และมีดีลการการเข้าซื้อกิจการที่ใหญ่ ๆ ที่ช่วยให้ไมโครซอฟท์แข็งแกร่งขึ้น เช่น  

  • LinkedIn มูลค่า 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2016 
  • GitHub มูลค่า 7.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2018
  • Activision Blizzard มูลค่า 6.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2023
  • OpenAI มูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์ ในปี 2023

และในระหว่างทัวร์ในภูมิภาคอาเซียน ไมโครซอฟท์ก็ประกาศแผนลงทุนมูลค่า 6.3 หมื่นล้านบาทในคลาวด์และเอไอในอินโดนีเซีย, ลงทุน 8.1 หมื่นล้านบาท ในโครงสร้างพื้นฐานเอไอและคลาวด์ในมาเลเซีย และประกาศว่าจะจัดตั้ง ดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย

ภาพจาก Shutterstock

ที่ผ่านมา สัตยา เคยอธิบายว่า เขามีเกณฑ์หลัก ๆ 2 ประการในการเลือกซื้อกิจการ คือ ต้อง เพิ่มมูลค่าให้กับไมโครซอฟท์ได้ และ ราคาสมเหตุสมผล และนอกจากผลงานการซื้อกิจการ ก็มีการออก Windows 10 การออกแล็ปท็อปเครื่องแรก Surface Book ที่เป็นผลงานเด่น ๆ

ภายใต้การบริหารของสัตยา สามารถดันให้ไมโครซอฟท์มีมูลค่ามากกว่า 2.89 ล้านล้านดอลลาร์ แซงหน้า Apple เป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกเมื่อช่วงเดือนมกราคม 2024 ที่ผ่านมา หรือเติบโตกว่า 1,006% ตลอดช่วง 10 ปี ภายใต้การบริหารของสัตยา และในสายตาของนักลงทุนตอนนี้ ไมโครซอฟท์กลายเป็นบริษัทที่อยู่ในตําแหน่งที่จะครองอํานาจในการปฏิวัติเอไอของโลกนี้เรียบร้อยแล้ว

Source