ตลาดหุ้นผันผวนหนัก ลงทุน ‘สินทรัพย์นอกตลาด’ มาแรง ให้ผลตอบแทนดี

KBank Private Banking ชู ‘สินทรัพย์นอกตลาด’ โดยชี้ถึงจุดเด่นไม่ว่าจะเป็น ไม่ต้องรับความผันผวนของตลาดหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดหุ้นเป็นขาลง แต่ยังได้รับผลตอบแทนที่ดี

ตรีพล ภูมิวสนะ Senior Managing Director, Private Banking Business Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย ได้กล่าวถึงในช่วงที่ผ่านมาได้มีการออกกองทุนสินทรัพย์นอกตลาด มากถึง 10 กอง โดยลงทุนทั้งในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ (Private Equity) 6 กองทุน กองอสังหาริมทรัพย์นอกตลาด 2 กองทุน รวมถึงหนี้นอกตลาด (Private Credit) 1 กองทุน

ผู้บริหารของ KBank Private Banking ได้กล่าวว่า ภาพรวมตลาดการลงทุนทั่วโลกในปี 2024 ยังคงผันผวน จากความไม่แน่นอนหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลก การเลือกตั้งในหลายประเทศ เช่น รัสเซีย อินเดีย และสหรัฐอเมริกา ที่อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของกฎเกณฑ์ต่างๆ ไปจนถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในฝั่งยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย ทำให้การลงทุนในสินทรัพย์ดั้งเดิมต้องเผชิญความท้าทายมากขึ้

ตรีพลชี้ยังกล่าวถึงสภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวนในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ แต่กองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดเหล่านี้สามารถผ่านช่วงเวลาแย่ๆ มาได้ เช่น กองทุนหุ้นนอกตลาดทั่วโลก ซึ่งตั้งกองทุนในปี 2019 นั้นให้ผลตอบแทนเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาที่ 58.67%

เขายังได้กล่าวถึงข้อดีของการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด ไม่ว่าจะเป็น

  • สินทรัพย์นอกตลาด (Private Assets) ให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดหุ้น
  • Private Assets ช่วยกระจายความเสี่ยง และยังทำให้เข้าถึงการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเขาได้ยกตัวอย่างกองทุนที่มีหุ้นของ SpaceX นั้นมีผลตอบแทนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาดีพอสมควร
  • ทำให้หลายบริษัทสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น

ขณะเดียวกันบทบาทของสินทรัพย์นอกตลาดคือการเพิ่มเสถียรภาพให้กับพอร์ตการลงทุนของลูกค้า เนื่องจากไม่มีราคาซื้อขายทุกวันเหมือนกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ แต่หลายกิจการเองยังดำเนินต่อไปทุกวัน ตรีพลยังชี้ถึงหลายบริษัทที่อยู่นอกตลาดหุ้นถือเป็นโอกาสลงทุนในบริษัทที่อาจพลิกโฉมธุรกิจได้ หรือเป็นเมกะเทรนด์ในอนาคต

แนวทางการจัดพอร์ตสินทรัพย์นอกตลาด – ข้อมูลจาก KBank Private Banking

ปัจจัยดังกล่าว ทำให้ KBank Private Banking วางแผนนำเสนอกองทุนที่ลงทุนสินทรัพย์นอกตลาดให้กับลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยเสนอกลยุทธ์ในการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด เพื่อที่จะลดข้อจำกัดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กลยุทธ์การจัดพอร์ตแบบ Core & Satellite ที่จะจัดแบ่งส่วนหลักและส่วนเสริมเพื่อกระจายความเสี่ยง

โดยสัดส่วนหลักของพอร์ตการลงทุนหรือ Core จะคิดเป็น 60-80% ของพอร์ตสินทรัพย์นอกตลาดจะเป็นกองทุนสินทรัพย์นอกตลาดกึ่งสภาพคล่อง ที่ลงทุนเพิ่มได้ทุกเดือน ขายหน่วยลงทุนได้เป็นรายไตรมาส ขณะที่สัดส่วนเสริมหรือ Satellite คิดเป็น 20-40% ของพอร์ตสินทรัพย์นอกตลาด จะเป็นกองทุนหุ้นนอกตลาดตามธีมต่างๆ เช่น หุ้นนอกตลาดทั่วโลก หุ้นนอกตลาดจีน หุ้นนอกตลาดไทย หุ้นเทคนอกตลาด หุ้นอสังหาฯ นอกตลาดทั่วโลก หุ้นอสังหานอกตลาดไทย รวมถึงหนี้นอกตลาด เป็นต้น

การจัดพอร์ตในลักษณะดังกล่าว ตรีพลกล่าวว่าจะช่วยลดความผันผวนผ่านการลงทุนระยะยาว ขณะเดียวกันยังสามารถเพิ่มโอกาสการสร้างผลตอบแทนจากการจับจังหวะลงทุนตามธีมและเมกะเทรนด์ที่กำลังเติบโตขึ้นได้ นอกจากนี้ ยังมีบริการออกแบบพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดสำหรับลูกค้าแต่ละคนโดยเฉพาะอีกด้วย

ในการนำสินทรัพย์นอกตลาดมาให้บริการลูกค้า ทาง KBank Private Banking ได้ร่วมมือกับพันธมิตรหลายราย ไม่ว่าจะเป็น EQT ซึ่งเชี่ยวชาญการลงทุนบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์จากประเทศสวีเดน โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถระดมทุนการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดได้มากเป็นอันดับ 3 ของโลก ขณะที่ Apollo ที่เป็นบริษัทชั้นนำด้านการจัดการสินทรัพย์ทางเลือกที่มียอดการปล่อยสินเชื่อนอกตลาดเป็นอันดับ 1 ของโลก และยังมีแผนที่จะร่วมมือกับ Goldman Sachs เพื่อร่วมสร้าง Ecosystem การลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดอีกด้วย

ตรีพลยังได้กล่าวถึงว่าในอดีตนักลงทุนชาวไทยไม่ค่อยมีประสบการณ์ในการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาดมากนัก ซึ่งถือว่าแตกต่างกับในปัจจุบัน

ปัจจุบันผู้บริหารของ KBank Private Banking ได้กล่าวว่าลูกค้าสัดส่วน 10% ได้มีการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด ซึ่งลูกค้าหลายรายมีประสบการณ์เคยลงทุนสินทรัพย์แนวนี้มาแล้ว และเขาตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปีจะมีลูกค้าลงทุนเพิ่มมากขึ้นเป็นสัดส่วน 20% ของลูกค้าทั้งหมด