10 แนวคิดจากปาก Wang Ning ผู้ก่อตั้ง Pop Mart ย้อนรอยจุดเริ่มขุมทรัพย์ของเล่นในวันเปิด IPO ที่ฮ่องกงเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

Wang Ning ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Pop Mart เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อจีนไว้ในโอกาสที่พาบริษัทไปเปิดขาย IPO ในฮ่องกงช่วงเดือนธันวาคม 2020 ด้วยมูลค่าตลาด 1 พันล้านดอลลาร์ วันนั้น Pop Mart ถูกขนานนามว่าเป็นบริษัทจีนที่จำหน่ายของเล่น-ของสะสมแนวศิลปะ (art toy) ผู้ปลุกปั้นอย่าง Wang จึงต้องพยายามเต็มที่ในการอธิบายให้โลกเข้าใจรูปแบบธุรกิจของ Pop Mart และปกป้องไม่ให้นักวิจารณ์มองว่า Pop Mart เป็นเพียงบริษัทขาย “กล่องสุ่ม” แสนธรรมดา

ในบทสัมภาษณ์ครั้งนั้น Wang Ning พยายามอธิบายว่าแท้จริงแล้ว Pop Mart เป็นบริษัทที่ขาย IP หรือทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งตอบสนองความต้องการทางจิตใจของกลุ่มผู้บริโภคอายุน้อย ด้วยการสร้างสรรค์และจำหน่ายของเล่นจากดีไซเนอร์ดาวรุ่ง เวลานั้น Wang คุยเล่าถึงวิธีที่ Pop Mart ปลูกฝังวัฒนธรรม art toy โดยทำงานอย่างใกล้ชิดกับศิลปินและนักออกแบบ เพื่อให้ของเล่นของ Pop Mart เป็นรูปแบบศิลปะที่ผสมผสานงานปั้น แกะสลัก และการลงสีเข้าด้วยกันโดยไม่มีฟังก์ชันใดๆ นอกจากความสวยงามที่ดึงดูดใจให้ผู้คนอยากได้มาครอง

ส่วนหนึ่งใน 10 ประโยคเด็ดของ Wang Ning สะท้อนว่าผู้ก่อตั้ง Pop Mart เข้าใจดีถึงช่องว่างระหว่างรุ่น ทั้งฐานแฟนคลับรุ่นเด็กของ Pop Mart และนักวิจารณ์รุ่นดึกที่ไม่เข้าใจกระแสความต้องการนี้ แต่ Wang เชื่อมั่นในค่านิยมของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับการออกแบบและความงามมากขึ้น ทั้งหมดนี้ Wang แสดงความมั่นใจว่าทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นตัวทำเงินหลักของ Pop Mart เช่น Molly จะมีอายุการทำตลาดที่ยาวนาน เนื่องจากบริษัทมุ่งมั่นลงทุนและสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าที่จะทำให้ Pop Mart กลายเป็นแบรนด์ที่โดดเด่นเหมือนกับ Disney ในตลาดของเล่นศิลปะ

10 หลักคิด อิสระและมั่นใจ

ต่อไปนี้คือคำพูดทรงพลัง 10 ประโยคจากบทสัมภาษณ์ของ Wang Ning โดยเก็บความจากต้นฉบับภาษาจีน ผ่านบทสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2021 กับ Ma Yue ผู้ก่อตั้ง Alphabet List ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ Wang Ning พูดออกมาหลังจากการนำ Pop Mart เข้าตลาดโลก

1. “เราไม่ใช่บริษัท blind box และการประเมินมูลค่าล้านล้านหยวนไม่ใช่ฟองสบู่”

ประโยคสามารถสรุปประเด็นสำคัญที่ Wang Ning ขีดเส้นใต้เพื่อปกป้องและอธิบายรูปแบบธุรกิจ รวมถึงวิสัยทัศน์ของ Pop Mart ถือเป็นคำพูดหักล้างคำวิจารณ์ที่ว่า Pop Mart เป็นเพียงบริษัท “กล่องสุ่ม” แบบตรงไปตรงมา ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าการประเมินมูลค่าของบริษัทที่สูงลิ่วจนมีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นเพียงฟองสบู่นั้นเป็นความเข้าใจผิด โดยปัจจุบัน Wang Ning สามารถจัดการกับอคตินั้นได้อยู่หมัด ดันมูลค่าหุ้นของ Pop Mart ให้พุ่งสูงขึ้นหลังจากที่บริษัทรายงานผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าในปี 2023

ท่ามกลางแรงหนุนจากความสำเร็จในการขยายธุรกิจต่างประเทศ เบ็ดเสร็จรวมปี 2023 น้องใหม่อย่าง Pop Mart สามารถทำลายสถิติ มีกำไรสุทธิรวมเพิ่มขึ้น 129% เป็น 1.1 พันล้านหยวน (150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และรายรับอยู่ที่ 6.3 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 37% จากปีก่อนหน้า รวมแล้วกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเบาๆ 61.3%

Pop Mart
Photo : Shutterstock
2. “Pop Mart ไม่ใช่แค่ขายสินค้า แต่ยังสนองความต้องการทางจิตวิญญาณของผู้ใช้ ถ้าเป็นผู้หญิง การซื้อ Molly จะเหมือนกับการที่ผู้ชายซื้อ Air Jordan”

Wang Ning เปรียบเทียบการซื้อ art toy ของ Pop Mart กับการซื้อรองเท้าผ้าใบยอดนิยม เพราะต้องการบอกว่า Pop Mart วางโพสิชั่นหรือจุดยืนให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการที่นอกเหนือไปกว่าประโยชน์ใช้สอยทั่วไป ซึ่งในกรณีของ Air Jordan รองเท้าอื่นอาจจะสวมสบายและราคาถูกกว่า แต่ Air Jordan ก็มีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นและเต็มใจหยิบสตางค์ออกมาซื้อรุ่นใหม่อยู่ทั่วมุมโลก

อีกอิมแพ็คของประโยคนี้ยังสะท้อนว่า Pop Mart มีความทะเยอทะยานในการเติบโตในตลาดโลก รวมถึงพื้นที่อื่นที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมของเล่น โดยนอกจาก art toy อาจเป็นไปได้ที่ Pop Mart จะแจ้งเกิดในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ พิพิธภัณฑ์ศิลปะ หรือจุดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยอื่นๆ ก็ได้

3. “การออกแบบและความงามมีคุณค่า นี่คือสิ่งที่เราเชื่อมาตั้งแต่แรกเริ่ม แม้ว่าในตอนนั้นจะยังมีคนเห็นด้วยไม่มากนักก็ตาม”

ประโยคนี้ของ Wang Ning เน้นย้ำถึงความเชื่อหลักของ Pop Mart ในด้านคุณค่าที่แท้จริงของการออกแบบและความสุนทรีย์ ซึ่งทำให้ Wang Ning บริหาร Pop Mart ได้อย่างแตกต่างตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น

4. “เรากำลังเริ่มปฏิวัติอะไรสักอย่าง เหมือนกับที่แผ่นเสียงได้ปฏิวัติวงการเพลงเมื่อ 100 กว่าปีก่อน”

ผู้ก่อตั้ง Pop Mart กล่าวอย่างกล้าหาญว่า Pop Mart ได้ริเริ่มการปฏิวัติวงการศิลปะ ด้วยการจำหน่ายของเล่น art toy ที่จะพลิกโฉมทั้งโลกของคนสร้างงาน คนขายงาน และคนเสพงานศิลป์  ซึ่งหากเทียบกับผลกระทบจากแผ่นเสียงที่เปลี่ยนแปลงวงการเพลง จะพบว่าความแมส (mass) หรือความแพร่หลายและความยืดหยุ่นในการฟังเพลงนั้นผลักดันเม็ดเงินมหาศาลให้สะพัดไปทั่ววงการเพลงในช่วงก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการปลดล็อกตลาดต่างประเทศที่คนทำเพลงสามารถพาเพลงของตัวเองไปตีตลาดโลกได้แบบที่ไม่เคยทำได้มาก่อน

กรณีของ Pop Mart รายได้จากฮ่องกงและไต้หวัน มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้ โดยคาดว่ายอดขายจากภูมิภาคเหล่านี้จะเพิ่มขึ้น 2 เท่าในปี 2024 เมื่อเทียบกับปี 2023 ซึ่งที่ผ่านมา รายได้ในต่างประเทศของ Pop Mart เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัวในปี 2023 คิดเป็นเกือบ 17 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมด

ล่าสุด Pop Mart ขยายหน้าร้านในตลาดต่างประเทศด้วยการเพิ่มร้านค้าใหม่ 37 แห่ง ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ 39 เครื่อง และร้านโรโบ POP MART Robo Shop 159 แห่งในปี 2023 ทั้งหมดเป็นการขยายธุรกิจในต่างประเทศที่เริ่มต้นจริงจังในปี 2019 โดยเริ่มจากเกาหลีใต้ และตั้งแต่นั้นมาได้ขยายไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยุโรป และออสเตรเลีย

Pop Mart
Photo : Shutterstock
5. “เราไม่ได้รับเงินลงทุนจาก Tencent หรือ Alibaba เพราะเราไม่ต้องการเลือกข้าง หากเราทำได้ดี ทุกบริษัทจะต้องการร่วมมือกับเรา”

การปฏิเสธการลงทุนจากยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ตแสดงให้เห็นถึงความเป็นอิสระและความมั่นใจของ Pop Mart ในการสร้างเส้นทางของตัวเอง

ก่อนจะมาเป็น Pop Mart International Group หนุ่ม Wang Ning ก่อตั้ง Pop Mart ในปี 2010 โดยเป็นเจ้าของ Pop Mart มากกว่า 45% หลังจาก Pop Mart โด่งดังจากการขายตุ๊กตาขนาดเล็กราคาประมาณ 8 เหรียญสหรัฐ หรือราว 300 บาทในรูปแบบที่เรียกว่ากล่องสุ่มซึ่งไม่เปิดเผยของเล่นที่อยู่ข้างใน และเริ่มร่วมมือกับศิลปินเพื่อสร้างสรรค์ของเล่นประเภทต่างๆ ในปี 2016 ล่าสุด Wang Ning มีทรัยพ์สินรวม 3,100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 112,282 ล้านบาท

การลงทุนล่าสุดที่เซอร์ไพรส์โลก คือ Pop Mart ได้เปิด Pop Land สวนสนุกขนาด 40,000 ตารางเมตรในกรุงปักกิ่งในเดือนกันยายน 2022 เพื่อขยายอิทธิพลของแบรนด์ และกระจายการลงทุนทางธุรกิจ

6. “ความสามารถในการแข่งขันหลักของ Pop Mart อยู่ที่จิตวิญญาณของเรา – ความเชื่อในพลังของการออกแบบและความงาม เช่นเดียวกับการยอมรับคุณค่าของศิลปิน”

คำพูดนี้สะท้อนความเชื่อมั่นแรงกล้าในการออกแบบ/ศิลปะ และความเคารพต่อศิลปินของ Pop Mart ซึ่งมีผลทำให้ความสามารถในการแข่งขันหลักของ Pop Mart ตกผลึก

วันนี้ ซีรีส์ที่ขายดีที่สุดของ Pop Mart คือ Dimoo เด็กชายหัวก้อนแมฆที่บางคนมองว่าเหมือนเอเลี่ยนผมปุยดูคล้ายสายไหมนี้เป็นผลงานการออกแบบของศิลปินและนักวาดภาพประกอบสาวชาวจีน Ayan Deng ผู้จบการศึกษาจากสถาบันศึกษาวิจิตรศิลป์กว่างโจว ซึ่งตามประวัติระบุว่า หลังจากเรียนจบ สาว Deng ก็เริ่มต้นเดินทางตามความฝัน โดยเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสตูดิโอชื่อว่า Mountain Studio และหลังจากนั้นจึงได้เริ่มสร้างสตูดิโอเป็นของตัวเองชื่อว่า Yan Studio และใช้ระยะเวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์กว่า 2 ปีในการสร้างอาณาจักร Dimoo World ขึ้นมาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของเด็กน้อยชื่อ Dimoo ร่วมกับน้อง Candy, Snooks, Niko, Mono, Mini-Mon และ Mr.Worm ซึ่งเป็นผองเพื่อนในอาณาจักร Dimoo World ที่เคยออกแบบไว้ ปัจจุบัน ความเป็นเป็นอาร์ตทอยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ทำให้ Dimoo มีการผลิตคาแรกเตอร์ออกมาหลายร้อยแบบ ทั้งกล่องสุ่ม ฟิกเกอร์หลายคอลเล็กชั่น แอคเซสซอรี่ เช่น พินแม่เหล็ก เคสโทรศัพท์มือถือ สายห้อยคล้องคอ กระเป๋า ตุ๊กตา รวมถึงการคอลแลบส์กับธีมแบรนด์อื่น เช่น KFC และ JurassicWorld เป็นต้น

Pop Mart
Photo : Shutterstock
7. “คุณค่าของคนรุ่นใหม่มีความสมบูรณ์มากขึ้น พวกเขาแสวงหาชีวิตที่ดีมากกว่าการอยู่รอด แสวงหาการเติมเต็มทางจิตวิญญาณ”

Wang วางกรอบ Pop Mart ให้สอดคล้องกับค่านิยมคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการแสดงออกมากกว่าเดิม ความเข้าใจนี้ทำให้

Wang Ning พยายามลบหนึ่งในความท้าทายบางประการที่ Pop Mart ต้องเผชิญกับความสงสัยและขาดความเข้าใจจากคนนอกวงการ

8. “บาง IP (ทรัพย์สินทางปัญญา) อาจไม่มีเรื่องราว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า IP นั้นจะไม่สามารถประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ได้ เช่นเดียวกับ ภาพวาดที่ยอดเยี่ยม”

Wang Ning แย้งว่าสินค้าที่เป็น IP หรือทรัพย์สินทางปัญญาที่ Pop Mart วางขายนั้นไม่จำเป็นต้องมีการเล่าเรื่องที่ซับซ้อน แต่การประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์สามารถทำได้โดยใช้ศิลปะเป็นตัวดึงดูด

ในขณะที่ไม่ต้องเล่าเรื่องมากมาย Pop Mart ประสบความสำเร็จทั้งในระดับนานาชาติและจีนแผ่นดินใหญ่ที่ยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ Pop Mart โดยจีนคิดเป็นแหล่งทำเงินด้วยสัดส่วนมากกว่า 83 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดในปี 2023 ซึ่ง Pop Mart ยังคงเดินหน้าขยายหน้าร้านในจีนอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มร้านค้าใหม่ 55 แห่ง และเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ 123 ตู้

Pop Mart
Photo : Shutterstock
9. “ผู้คนสามารถต่อต้านสิ่งต่างๆ มากมายได้เนื่องจากมีกรอบความคิดที่จำกัด แต่ (แทนที่จะต่อต้าน) การพิจารณาว่าทำไม Pop Mart ถึงประสบความสำเร็จนั้นมีคุณค่ามากกว่า”

ประโยคเจ็บๆ นี้ช่วยปกป้อง Pop Mart จากเสียงนักวิจารณ์ในช่วงแรก ซึ่งกาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่าการเข้าใจความสำเร็จของ Pop Mart ช่วยกระตุ้นให้นักวิจารณ์และผู้สังเกตการณ์มีกรอบความคิดที่เปิดกว้างมากขึ้น

มีการวิเคราะห์ว่าความสำเร็จของ Pop Mart ในประเทศจีนส่วนหนึ่งมาจากการปรากฏตัวบน Douyin ซึ่งเป็น TikTok เวอร์ชันจีน โดยจากช่วงเริ่มต้นธุรกิจ วันนี้ยอดขายอีคอมเมิร์ซของบริษัทพุ่งสูงถึง 283 ล้านหยวน (39.3 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้น 5 เท่าจากปี 2022

10. “ถ้าคุณต้องการเข้ากับคนรุ่นใหม่ จงเข้าใจวัฒนธรรมของพวกเขา (อย่า) แกล้งทำเป็นเฉลิมฉลองกับพวกเขา แต่คุณต้องฟังเพลงของพวกเขา”

ประโยคปิดท้ายนี้ย้ำชุดความคิดของ CEO Pop Mart ว่าไม่มีใครสามารถเข้าถึงผู้ชมอายุน้อยได้หากไม่ได้พยายามทำความเข้าใจและลงลึกไปถึงแก่นวัฒนธรรมของคนกลุ่มนี้

สรุปแล้ว ทั้ง 10 ประโยคนี้แสดงให้เห็นว่า Wang Ning วางตำแหน่ง Pop Mart ให้เป็นแบรนด์ที่ปฏิวัติวงการและมุ่งเน้นด้านการออกแบบ เพื่อรองรับค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไปของคนรุ่นใหม่ ผ่านวิสัยทัศน์ของผู้ประกอบการที่มีความทะเยอทะยาน ปกป้องรูปแบบธุรกิจใหม่ของบริษัทอย่างเต็มที่ และตอบสนองต่อความสงสัย รวมถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมั่นใจจริง ๆ

ที่มา : Forbes 1, Forbes 2, Bastillepost, Futunn, Equalocean, Insideretail