กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และอัยการ 30 มลรัฐ ได้ฟ้อง Live Nation ให้แยกธุรกิจออกมา เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีอำนาจทางการตลาดในธุรกิจการจัดคอนเสิร์ตหรือแม้แต่มิวสิคเฟสติวัล ไปจนถึงช่องทางการจำหน่ายตั๋ว จนกินส่วนแบ่งการตลาดมากเกินไป
กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ และอัยการ 30 มลรัฐ ได้ยื่นฟ้องโปรโมเตอร์คอนเสิร์ตชื่อดังอย่าง Live Nation ให้แยกกิจการไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการเป็นโปรโมเตอร์คอนเสิร์ตและธุรกิจในการเป็นผู้จัดจำหน่ายตั๋วคอนเสิร์ตและงานมิวสิคเฟสติวัลออกจากกัน
Merrick Garland อัยการของสหรัฐฯ ได้กล่าวว่า “ได้เวลาที่จะต้องแยกกิจการของ Live Nation ออกจากกัน”
ในเอกสาร 128 หน้าเหล่าอัยการได้ยื่นต่อศาลแขวงประจำเขตตอนใต้ของนิวยอร์ก ได้กล่าวถึง Live Nation ได้ขัดขวางการแข่งขันอย่างผิดกฎหมาย และสร้างภาระแก่ผู้บริโภคอย่างไม่เหมาะสม และบริษัทยังเป็นเจ้าของ Ticketmaster แพลตฟอร์มขายตั๋วคอนเสิร์ตและงานมิวสิคเฟสติวัล ซึ่งถือว่ามีส่วนในการควบคุมตลาดมากเกินไป
นอกจากนี้ในเอกสารดังกล่าวยังชี้ว่า Live Nation นั้นเป็นโปรโมเตอร์จัดคอนเสิร์ตตามสถานที่แสดงต่างๆ เป็นสัดส่วนมากถึง 60% ในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ Ticketmaster ยังครองส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 80% ในการจัดจำหน่ายตั๋วคอนเสิร์ตตามสถานที่จัดแสดงขนาดใหญ่
เหล่าอัยการที่ได้ยื่นฟ้อง Live Nation มองว่าบริษัทนั้นมีบทบาทมากเกินไปจนสามารถควบคุมในเรื่องธุรกิจการจัดคอนเสิร์ต หรือแม้แต่การจัดเทศกาลดนตรี ไปจนถึงการกดดันให้สถานที่จัดคอนเสิร์ตใช้บริการขายตั๋วจากบริษัท เพราะไม่งั้นแล้วอาจสูญเสียแฟนเพลงหรือสูญเสียรายได้
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้สถานที่จัดคอนเสิร์ตนั้นไม่มีโปรโมเตอร์เจ้าใหม่ หรือแม้แต่แฟนเพลงที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มมากขึ้นจากบริการของ Live Nation รวมถึง Ticketmaster ขณะที่โปรโมเตอร์รายเล็กในประเทศแคนาดารายหนึ่งเองก็ได้รับแรงกดดันจากเรื่องนี้เช่นกัน
กรณีสำคัญที่ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มจับตามอง Live Nation คือกรณีในการจัดจำหน่ายตั๋วคอนเสิร์ตของ Taylor Swift ที่จัดตามเมืองต่างๆ ซึ่งแฟนคลับหลายรายได้บ่นถึงราคาตั๋วที่เพิ่มมากขึ้น หรือแม้แต่ประสบการณ์การเข้าซื้อตั๋วผ่านแพลตฟอร์มของ Ticketmaster กลับย่ำแย่กว่าที่คาด
อย่างไรก็ดีในฝั่งของ Live Nation ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า การฟ้องร้องของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาตั๋วคอนเสิร์ตแพงได้ และบริษัทมองว่าการแข่งขันในธุรกิจดังกล่าวนั้นเพิ่มมากขึ้น
การดำเนินการทางกฎหมายดังกล่าวถือการตอกย้ำแนวทางเชิงรุกที่ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้นำมาใช้ เนื่องจากต้องการสร้างการแข่งขันที่มากขึ้นในหลากหลายอุตสาหกรรม ไล่ตั้งแต่บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ไปจนถึงธุรกิจการดูแลสุขภาพหรือแม้แต่ธุรกิจความบันเทิงอย่างเช่นกรณีของ Live Nation
ที่มา – CBS News, ABC, BBC, CBC