-
วาลา หัวหิน เปิดครบ 3 ปี เพิ่มบริการซีสปา และคิดส์คลับ เติมอีโคซิสเท็มให้เต็มระบบ
-
สยายปีกสู่ธุรกิจอาหารครั้งแรก เปิดตัวแบรนด์คาซ่ามาเร่ ร้านอาหารสแตนด์อโลนแห่งแรกของ นู แชปเตอร์ โฮเทล
-
หวังเป็นบีช เดสติเนชั่นที่ทุกคนนึกถึงเมื่อมาหัวหิน
เติมสปา-คิดส์คลับ ให้ลูกค้าใช้ชีวิตได้ทุกกลุ่ม
เมื่อ 3 ปีก่อน “วาลา หัวหิน” ได้แจ้งเกิดเป็นโรงแรมบูทีคสุดหรูแห่งใหม่ในโซนชะอำ-หัวหิน เรียกได้ว่าเป็นการเปิดตัวพร้อมกับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งวาลา หัวหินได้สะกดใจนักท่องเที่ยวได้ด้วยดีไซน์ และความมินิมัลแบบสุดๆ
วาลา หัวหินเป็นโรงแรมน้องใหม่ในเครือ “รีเจ้นท์ กรุ๊ป” เจ้าของโรงแรม “รีเจ้นท์ ชะอำ หัวหิน” ที่เรียกได้ว่าครองโลเคชั่นที่เมืองชะอำมายาวนานกว่า 30 ปี หนึ่งในธุรกิจของตระกูล “เตชะไพบูลย์”
รีเจ้นท์ กรุ๊ป ได้ใช้งบลงทุนกว่า 1,200 ล้านบาท เปิดตัวโครงการ วาลา หัวหิน – นู แชปเตอร์ โฮเทล (VALA Hua Hin – Nu Chapter Hotels) เมื่อช่วงปลายปี 2563 วางจุดยืนเป็นบูทีค บีชรีสอร์ต ระดับ 5 ดาว พร้อมกับได้ “นูนู่ – วศุมา คณาธนะวนิชย์” กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท รีเจ้นท์ กรุ๊ป ทายาทเจนเนอเรชั่นที่ 3 เข้ามาดูแลอย่างเต็มระบบตั้งแต่เดย์วัน
วาลา หัวหินได้เปิดตัวในช่วงที่สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก เพราะเป็นช่วงของการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 พอดี แต่ในวิกฤตยังมีโอกาส เพราะในโซนชะอำ หัวหินยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทยอยู่ โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ เมื่อมีการล็อกดาวน์ ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็ยังมีลูกค้าคนไทยอยู่
หลังจากที่เปิดให้บริการได้ 3 ปี กลุ่มผู้เข้าพักส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคู่รัก และครอบครัวคนรุ่นใหม่ (Young Family) มีสัดส่วนถึง 70% ประกอบกับเทรนด์ด้าน Health & Wellness กำลังมาแรง วาลา หัวหิน จึงได้เริ่มเฟส 2 ได้ใช้งบลงทุน 80 ล้านบาท เปิดตัวเซลา ซีแซงชัวรี่ สปา (Sela Sea Sanctuary Spa) ซีสปา แห่งแรกที่ชะอำ–หัวหิน และคิดส์คลับ สำหรับเด็กวัย 2 – 12 ปี สอนการเรียนรู้จากธรรมชาติ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกลุ่ม
วศุมา คณาธนะวนิชย์ กรรมการบริหาร นู แชปเตอร์ โฮเทล เปิดเผยว่า
“เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดบริการใหม่ เซลา ซีแซงชัวรี่ สปา ชูคอนเซ็ปต์ ซีฮีลลิ่ง หรือ ทะเลบำบัด ได้รับแรงบันดาลใจจากท้องทะเล ไม่ว่าจะเป็นทรีตเมนต์ การคัดสรรค์ผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการตกแต่ง และบรรยากาศโดยรอบ เพื่อสร้างความแตกต่าง และทำให้ผู้มารับบริการได้สามารถผ่อนคลายอย่างแท้จริง ตั้งอยู่บริเวณโซนด้านหน้าโรงแรม เพื่อให้สามารถรองรับลูกค้าจากภายนอกได้ด้วย ราคาทรีตเมนต์เดี่ยวเริ่มต้น 3,000 บาท และแพ็กเกจ ราคา 8,000 บาทขึ้นไป เปิดบริการ 10 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม
เพื่อเน้นย้ำความเป็น วาลา ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Nature’s Touch with a Modern Design” เราจึงเพิ่มกิจกรรมต่างๆ ให้เด็กๆ และเปิดตัว คิดส์คลับ Wonder Woods สำหรับเด็กอายุ 2-12 ปี ในพื้นที่ 160 ตารางเมตร ที่ออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากป่า พร้อมส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมที่เด็ก ๆ สนุกไปกับการใกล้ชิดธรรมชาติ และทะเล มีพื้นที่กิจกรรมในร่ม เช่น โซนบ่อบอล และมินิสไลเดอร์ และกิจกรรมกลางแจ้ง พร้อม Organic Farm ให้เด็กได้เรียนรู้วิถีธรรมชาติ การปลูกผัก เก็บไข่ไก่ เป็นต้น”
สยายปีกสู่ธุรกิจอาหารครั้งแรก
นอกจากบริการสปา และคิดส์คับแล้ว นู แชปเตอร์ โฮเทล ยังสยายปีกสู่ธุรกิจอาหารเต็มรูปแบบกับ คาซ่ามาเร่ (Casa Mare) บีชฟร้อนต์ เรสเตอรอง & เลาจน์ (Beachfront Restaurant & Lounge) บนหาดชะอำ–หัวหิน เป็นร้านอาหารสแตนด์อโลนแห่งแรกของ นู แชปเตอร์ โฮเทล ซึ่งได้เปิดให้บริการเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเช่นกัน คาดว่าจะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนชะอำ–หัวหิน
สำหรับที่มาที่ไปของการบุกธุรกิจร้านอาหาร วศุมาเล่าว่า “ตอนที่เปิดให้บริการช่วง COVID-19 ได้มีการมอนิเตอร์ลูกค้าอยู่ตลอด ซึ่งดูแล้วว่าตลาดมีความต้องการร้านอาหารอยู่ เลยดีไซน์เป็นร้านอาหารที่รองรับได้ทุกกลุ่ม ทั้งครอบครัวใหญ่ เพื่อน คู่รัก ร้านเน้นความสะดวกสบาย ใช้เวลาได้ทั้งวัน มีสิ่งอำนวยความสะดวก มีวิวสวย และห่างจากโรงแรมไปแค่ 3 นาทีเท่านั้น”
คาซ่ามาเร่ เป็นบีชฟร้อนต์เรสเตอรองต์ ร้านอาหารสแตนด์อโลนร้านแรกภายใต้ นู แชปเตอร์ โฮเทล บนชายหาดชะอำมีความยาวกว่า 200 เมตร ขนาด 2 ชั้น บนพื้นที่ 800 ตารางเมตร รองรับลูกค้ามากกว่า 250 ที่นั่ง ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่สงบ ร่มรื่น เห็นวิวทะเลในมุมกว้างสุดสายตา มีทั้งแบบอินดอร์ และเอาต์ดอร์ รับแสงส่องจากธรรมชาติ
นอกจากนี้ยังเป็น event venue ติดทะเลแห่งใหม่ ประกอบด้วย ห้องไพรเวทรูมที่สามารถจัดงานแบบเอ็กซ์คูลซีฟ และพื้นที่สนามหญ้าเอาต์ดอร์ขนาดใหญ่กว้างขวาง รองรับการจัดงานสังสรรค์ งานอีเวนต์ หรืองานวิวาห์ ตั้งแต่ 30 – 300 คน
คาซ่ามาเร่ เสิร์ฟอาหารหลากหลายในสไตล์สนุกสนาน ผสมผสานทั้งเมนูอาหารไทย ซีฟู้ด รวมถึงอาหารสไตล์เอเชียและยุโรปสมัยใหม่ (Vibrant mix of Thai, Seafood, Modern Asian with European flare) มีให้เลือกกว่า 80 เมนู ราคาต่อหัวอยู่ที่ประมาณ 600 -800 บาท เปิดให้บริการตั้งแต่ 11 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม
ในอนาคต ภายในพื้นที่คาซ่ามาเร่มีแพลนจะจัดงาน “Art & Craft Weekend Club” โดยเชิญโลคอล อาร์ตทิสต์ มาโชว์และขายผลงานของตัวเอง เป็นการสนับสนุนและมีส่วนร่วมให้กับคอมมูนิตี้ที่บริษัทได้เข้าไปดำเนินธุรกิจด้วย
หลังจากที่เปิดบริการมา 3 ปี แถมยังผ่านช่วงที่ยากที่สุดอย่างตอนมีโรคระบาด วศุมาบอกว่าความยากของการทำธุรกิจตอนนั้นก็คือ ต้องพัฒนาอยู่เสมอ ต้องหาประสบการณ์ใหม่ๆ นำเสนอให้ลูกค้าตลอดในทุกกลุ่ม อัปเกรดบริการต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าใด้ประสบการณ์ใหม่ๆ เสมอ
ชะอำ-หัวหิน ยังเป็นบีช เดสติเนชั่น
ด้วยโลเคชั่นชะอำ และหัวหิน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทย เนื่องการเดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ทำให้หลังจากช่วงวิกฤต COVID-19 ก็สามารถฟื้นตัวได้เร็ว มีกลุ่มทัวร์เพิ่มมากขึ้น นักท่องเที่ยวอยู่นานมากขึ้น โดยรวมแล้วภาพรวมตลาดเติบโตเพิ่ม 15% โดยที่ในปี 2565-2566 มีนักท่องเที่ยวมาชะอำ หัวหินราว 9.5 ล้านคน ส่วนจังหวัดประจวบฯ และเพชรบุรีเติบโต 10%
“หลังจากเปิดประเทศ ตลาดท่องเที่ยวที่หัวหิน–ชะอำ เริ่มมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้นมาก เรามีสัดส่วนลูกค้าที่เป็นตลาดระยะใกล้ อาทิ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน มากกว่า 50% จากที่แต่เดิมฐานลูกค้าเป็นคนไทยกว่า 90% อย่างไรก็ตาม อีกตลาดหนึ่งที่ทางโรงแรมจะเน้นมากขึ้นในอนาคต คือตลาดยุโรปที่เป็นตลาดท่องเที่ยวพำนักระยะยาว ซึ่งเห็นการฟื้นตัวตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้การบริการที่เพิ่มขึ้น จะช่วยให้ลูกค้าใช้เวลาที่โรงแรมมากขึ้น และบางกิจกรรมสามารถดึงดูดคนภายนอกเข้ามาใช้บริการ ทำให้รายได้โรงแรมเติบโตต่อเนื่องได้ในระยะยาว”
วศุมามีความมั่นใจว่า ชะอำ หัวหินยังคงเป็นบีช เดสติเนชั่นอันดับต้นๆ ของคนไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนไทยเป็นครั้งที่ 2 อาจจะมาหัวหินต่อจากกรุงเทพฯ