อยู่ในตลาดแข่งขันสูงอย่างชาเขียวสำเร็จรูปที่มีคู่แข่งอย่าง “อิชิตัน” ที่ไล่กวดกันมาตลอด โออิชิจึงต้องขยันออกแคมเปญการตลาด คราวนี้ถึงคิวของ “แพ็กเกจจิ้ง มาร์เก็ตติ้ง” นำลิขสิทธิ์คาแร็กเตอร์การ์ตูน “วันพีซ” มาอยู่บนกล่องบรรจุแบบบยูเอชที
ทั้งขนาดและราคาของชาเขียวบรรจุกล่องยูเอชที ซึ่งขายในราคา 10 บาท ในปริมาณ 250 มิลลิลิตร ลูกค้าหลักของแพ็กเกจนี้จะเป็นเด็กช่วงอายุ 8-12 ปี การเลือกคาแร็กเตอร์การ์ตูนโออิชิมองว่า นอกจากจะเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ได้ ความนิยมในการ์ตูนเรื่อง “วันพีซ” ทั้งในญี่ปุ่น ประเทศไทยและอีกหลายๆ ประเทศ ยังทำให้เข้าถึงกลุ่มแมสได้ด้วย
“การเลือกใช้คาแร็กเตอร์เพื่อทำให้ฐานลูกค้าระดับแมสของโออิชิรู้สึก Associate กับสินค้า ไปพร้อมๆ กับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเด็ก ซึ่งจะอินกับแพ็กเกจจิ้งมากกว่า” อนิรุทธิ์ มหธร รองกรรมการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประเมินลูกค้า
การจับมือกับวันพีซในครั้งนี้ ซึ่งมีสัญญาร่วมกัน 1 ปี โออิชิคาดหวังว่าจะทำยอดขายได้ถึง 400 ล้านกล่องในปีนี้ โดยต้องเร่งกำลัง ผลิตได้ 30 ล้านกล่องต่อเดือน ก็จะเพิ่มเป็น 55 ล้านกล่องให้ได้ภายในไตรมาส 4
ปัจจุบัน แพ็กเกจจิ้งแบบยูเอชทีจะมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 20% จากมูลค่าตลาดชาเขียว 12,300 ล้านบาท ซึ่งในสัดส่วน 20% โออิชิครองตลาดอยู่ถึง 90% แต่ต้นปีที่ผ่านมาอิชิตันก็เริ่มรุกคืบเข้ามาทำตลาดนี้แล้ว แถมยังมีคู่แข่งหน้าใหม่ที่มีสายป่านยาวไกลอย่าง มิเรอิ ประกาศจะทำแพ็กเกจจิ้งให้หลากหลาย เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่มีอยู่ทั้งหมด
นอกจากมีคาแร็กเตอร์การ์ตูนวันพีซมาช่วยกระตุ้นยอดขายแล้ว บริษัทไทยเบฟฯ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ก็ได้เข้าซื้อกิจการเสริมสุขฯ จะส่งผลให้โออิชิเข้าถึงช่องทางการจัดจำหน่ายแบบ Traditional Trade มากขึ้น นี่คือเหตุผลที่โออิชิต้องหันมาทำตลาดอย่างจริงจังในชาเขียวแบบกล่องยูเอชทีอย่างจริงจังหลังจากที่ปรับแพ็กเกจจิ้งแบบกล่องครั้งสุดท้ายเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
ในส่วนของขวด PT โออิชิเองก็ปรับตัวด้วยเช่นกัน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมที่ผ่านมา เพราะว่าโออิชิเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งครั้งสุดท้ายเมื่อ 8 ปีก่อน โดยมาจากเทรนด์ผู้บริโภคที่ต้องการเครื่องดื่มที่อิงกับธรรมชาติ รูปลักษณ์ใหม่ของโออิชิก็จะใส่ภาพความเป็นญี่ปุ่น ที่มีความเป็น Zen มากขึ้น
นอกจากแต่งหน้าทาปากใหม่แพ็กเกจจิ้งทั้งแบบกล่องและแบบขวดแล้ว โออิชิยังใช้แบรนด์ดังมาช่วยเสริมให้โออิชิเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เช่น โออิชิ ชาคูลล์ซ่า ที่จับมือกับ Adidas ORIGINALS และ CHIMNEY MAGAZINE จัดกิจกรรมสตรีท คัลเจอร์ เพื่อโชว์ความซ่าซึ่งเป็น Brand Position ของโออิชิ ชาคูลล์ซ่า กลยุทธ์ที่อิงเอาภาพลักษณ์ของแบรนด์ดังต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้ต่อกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่าง เป็นสิ่งที่โออิชิทำมาตลอด และสร้างความแตกต่างจากอิชิตันที่อิงกับกระแสของตัวบุคคลที่เป็นไอดอลเป็นหลัก
cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>
style=”vertical-align: top; font-weight: bold;”>สัดส่วนยอดขายของโออิชิแบ่งตามบรรจุภัณฑ์์