อีเวนต์-ท่องเที่ยวฟื้น ดันตลาด ‘กล้อง’ โตตาม ‘แคนนอน’ พร้อมส่ง 2 รุ่นเรือธงใหม่ หวังเพิ่มแชร์เป็น 40%

นับตั้งแต่ตลาด กล้องถ่ายภาพ ที่หดตัวหนักสุดในช่วงที่ COVID-19 ระบาด แต่หลังจากการระบาดคลี่คลาย ตลาดก็เริ่มกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง โดยผู้นำในตลาดอย่าง CANON ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ พร้อมออกสินค้าใหม่ราคาหลักแสนลุยตลาดช่วงโค้งสุดท้ายถึง 2 รุ่น

กล้องฟื้นตามตลาดอีเวนต์

เนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด คาดการณ์ว่า ภาพรวมตลาดกล้องปี 2024 ในด้านจำนวนยูนิตจะเติบโต +15% รวม 90,000 ตัว ในแง่ของมูลค่าคาดว่าจะเติบโต +25% แตะ 3,000 ล้านบาท โดยปัจจัยหลัก ๆ คือ การเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี ที่ถูกแทนที่โดยกล้อง Mirrorless ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของตลาดทั้งหมด หรือประมาณ 60,000 ตัว ขณะที่กล้องคอมแพคมีสัดส่วนอยู่ที่ 5% ส่วนกล้อง DSLR เหลือสัดส่วนเพียง 5%

อีกปัจจัยที่สร้างการเติบโตให้ตลาดคือ การกลับมาของ งานอีเวนต์ ต่าง ๆ ทำให้กลุ่ม มืออาชีพ เริ่มอัปเกรดกล้องเพื่อใช้ต่อยอดในการทำงาน รวมถึงการเติบโตของเหล่า ครีเอเตอร์ และ ภาคการท่องเที่ยว ที่ให้มีการเติบโตในกลุ่มของลูกค้าใหม่ ๆ ด้วยเช่นกัน

“ตอนนี้กล้อง Mirrorless กำลังมาแทนที่ DSLR เพราะดีกว่าทั้งคุณภาพ น้ำหนัก ความสะดวก เพราะเป็นตัวที่ยังพัฒนาเทคโนโลยีไปได้ในอนาคต ส่วนคอมแพคยูนิตทรง แต่มูลค่ายังไปได้ เพราะตลาดครีเอเตอร์”

ฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร และ นางสาวเนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด

วางเป้าเพิ่มแชร์เป็น 40%

ปัจจุบัน ตลาดกล้องผู้เล่นหลักในตลาดประมาณ 4 แบรนด์ โดย 2 ใน 4 แบรนด์ยอดตกเล็กน้อย ขณะที่แคนนอนยังสามารถเติบโตได้ 10% ในปีที่ผ่านมา และยังคงครองตำแหน่ง เบอร์ 1 ในตลาดด้วยส่วนแบ่ง 35% โดยปีนี้ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งเป็น 40% โดยได้เปิดตัวกล้อง 2 รุ่น ล่าสุด ได้แก่ EOS R1 และ EOS R5 Mark II เพื่อจับกลุ่มช่างภาพมืออาชีพ 

“ตอนนี้การแข่งขันจะเน้นไปที่ตลาด Mirrorless Full Frame เริ่มเห็นว่าลูกค้าจะเริ่มขยับไปใช้รุ่นที่ดีกว่า โดยตอนนี้รุ่นที่ขายดีที่สุดของเราคือ R6 Mark II ราคา 82,000 บาท”

แคนนอนมั่นใจโตได้ทุกกลุ่ม

ที่ผ่านมา การเติบโตของแคนนอนมาจากทุกเซกเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าใหม่ (Beginer) กลุ่มมืออาชีพ และกลุ่มที่ ย้ายค่าย โดย เนตรนรินทร์ มองว่า มาจากแคนนอนมีกลุ่มสินค้าทั้งหมด 14 รุ่น สามารถตอบสนองทุกกลุ่มลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงมืออาชีพ และด้วยฟีเจอร์ของกล้องใหม่ ๆ ที่ออกมาตอบโจทย์การใช้งาน ทำให้ได้กลุ่มลูกค้าที่ย้ายค่ายมาด้วย รวมถึงพาร์ทเนอร์ที่แข็งแรง

“ความยากของตลาดกล้องคือ ความลอยัลตี้สูง เพราะต้องใช้แต่ Ecosystem ของแบรนด์นั้น ๆ ดังนั้น ถ้าเราทำให้เขาเปลี่ยนแบรนด์ได้ถือว่าประสบความสำเร็จมาก ซึ่งเราเชื่อว่าที่เขาย้ายเพราะคุณภาพสินค้า บางคนอาจติดเรื่องราคา แต่เรามองว่ามันเป็นเรื่องที่แก้ได้”

ย้ำ ไม่ขายแข่งกับดีลเลอร์

เนตรนรินทร์ ย้ำว่า แคนนอนไม่ขายของแข่งกับดีลเลอร์ ดังนั้น ช่องทางการขายของแบรนด์จะมาจากพาร์ทเนอร์ดีลเลอร์เป็นหลัก และการให้โปรโมชั่นจะเท่ากันทั้งหมด ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของแต่ละร้านเอง 

“เราต้องทำให้พาร์ทเนอร์ขายของดีขึ้น ไม่ได้ไปขายแข่ง อย่างช่องทางออนไลน์เขาก็ขายกันเอง แต่จะไปขายถูกกว่าราคาหน้าร้านหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละร้านจะบริหารจัดการอย่างไร แต่เราเห็นว่าหลายร้านทำยอดได้ดีมากเมื่อถึงช่วงแคมเปญอีคอมเมิร์ซ”

กำลังซื้อหดไม่กระทบ

เนตรนรินทร์ ทิ้งท้ายว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะไม่ดี แต่ตลาดกล้องยังเติบโตได้ เพราะต้องยอมรับว่าบางคน ใช้กล้องประกอบอาชีพ ดังนั้น งานอีเวนต์ที่กลับมาคึกคัก การท่องเที่ยวที่ฟื้นกลับมา หรือการเติบโตของแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้กล้องจึงถูกซื้อไปใช้งาน ขณะเดียวกันแคนนอนเองก็ทำการตลาดผ่านการท่องเที่ยว โดยร่วมกับททท. นอกจากนี้ ยังได้เป็นสปอนเซอร์ให้กับทีม Bangkok United ในไทยลีก

“อย่างกล้อง  EOS R1 ตัว Flagship ราคา 235,900 บาท ก็มียอดจองเกิน 100 ตัว ส่วน EOS R5 Mark II ราคา 147,900 บาท ก็มียอดจองเกิน 200 ตัว แสดงให้เห็นว่ากำลังซื้อไม่มีผลกับสินค้ากลุ่มนี้”

สำหรับกล้อง EOS R1 ราคา 235,900 บาท เป็นกล้องเรือธงระดับมาสเตอร์สำหรับมืออาชีพ โดยมีจุดเด่นทั้งความเร็วและฟีเจอร์ครบครัน ทั้งความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง ความเร็วในการโฟกัส รวมถึงความเร็วในการถ่ายโอนไฟล์ ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับมืออาชีพที่เน้นเรื่องความรวดเร็วในการทำงานเป็นหลัก เช่น การถ่ายการแข่งขันกีฬา ชีวิตสัตว์ป่า รวมถึงงานข่าว

ส่วน EOS R5 Mark II ราคา 147,900 บาท กล้องมิเรอร์เลสไฮบริด ที่มีความโด่นเด่นในเรื่องความละเอียด แบบ High Resolution ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว พร้อมฟังก์ชันด้านวิดีโอ เพื่อให้เป็นที่สุดของ VDO performance รองรับกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการผลงานคุณภาพสูง โดยเฉพาะกลุ่มงานเวดดิ้ง งานผลิตวิดีโอเชิงพาณิชย์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ไปจนถึงช่างภาพอาชีพทุกสาย