‘จีน’ อวดเงิน ‘หยวน’ ถูกใช้เพิ่มขึ้น 21.1% อีกก้าวในการดันเป็นสกุลเงินสากลของโลก

ภาพจาก Shutterstock
ธนาคารกลางของจีน พยายามที่จะดันให้เซี่ยงไฮ้และฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศ รวมถึงผลักดันให้ เงินหยวน ก้าวเป็นสกุลเงินสากลระดับโลก โดยดันให้เป็นสกุลเงินในการทำธุรกิจ

จากข้อมูลของ ธนาคารประชาชนจีน พบว่า ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ การชําระเงินและการรับเงิน ข้ามพรมแดนในรูป สกุลเงินหยวน ทั้งหมดเพิ่มขึ้น +21.1% เมื่อเทียบเป็นรายปีเป็นรวมมูลค่า 41.6 ล้านล้านหยวน โดย การชําระเงินและรับเงินหยวนข้ามพรมแดน เฉพาะ การค้าสินค้า ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคมคิดเป็นสัดส่วน 26.5% ของการชำระเงินทั้งหมดในรูปสกุลเงินหยวนและเงินต่างประเทศในช่วงเวลาเดียวกัน โดยเพิ่มขึ้นจาก 24.8%

ตามรายงาน Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication (Swift) ซึ่งเป็นบริการส่งข้อความระหว่างธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวว่า ส่วนแบ่งของหยวนในการทําธุรกรรมทั่วโลกในเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 4.69% ซึ่งลดลงเล็กน้อยจาก 4.74% ในเดือนกรกฎาคม แต่ถือว่าเป็นการทำธุรกรรมเกิน 4% เป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน ซึ่งยังคงรักษา อันดับสี่ ในบรรดาสกุลเงินการชําระเงิน

ทั้งนี้ เงินหยวนถูกมากขึ้นในการค้าโลก และถูกมองว่าเป็น วิธีในการเพิ่มอิทธิพลทางการเมืองของจีน โดยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา การจ่ายเงินและใบเสร็จรับเงินหยวนข้ามพรมแดนจากฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่คิดเป็น 53% ของทั้งหมด ตามด้วยสิงคโปร์ที่ 9.8% และสหราชอาณาจักรที่ 5.9%

ที่ผ่านมา จีนได้ลงนามในข้อตกลงการแลกเปลี่ยนสกุลเงินทวิภาคีกับประเทศสมาชิก 31 ประเทศภายใต้โครงการ Belt and Road Initiative โดยมี 19 ประเทศวางข้อตกลงการชําระบัญชีหยวน

อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐ ยังคงเป็นสกุลเงินออกใบแจ้งหนี้ การลงทุน และสกุลเงินสํารองที่โดดเด่นในระบบการเงินระหว่างประเทศ และเมื่ออ้างข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ พบว่า ณ ไตรมาสที่สองของปีธนาคารกลางของโลกมีเงินสํารองรวม 245.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นี้ ลดลง 0.15% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดย ธนาคารกลางยุโรป มองว่า หากจะพัฒนาเงินหยวนเป็นสกุลเงินสํารองระหว่างประเทศ จีนต้องเปิดบัญชีทุนเพื่อให้ประเทศต่างๆ สามารถซื้อและขายสกุลเงินในตลาดต่างประเทศได้ง่ายขึ้น

“ตราบใดที่บัญชีทุนของจีนยังไม่เปิดเต็มที่ สกุลเงินหยวนไม่น่าจะกลายเป็นสกุลเงินที่โดดเด่นและยังคงต้องการการสนับสนุนของดอลลาร์”

Source