อสังหาฯ ซึมยาว? พี่ใหญ่ “แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” ปรับแผนปี 68 เปิดตัว 4 โครงการ มูลค่า 1.1 หมื่นล้าน ลดลง 64% ต่ำสุดรอบ 20 ปี ปีนี้ขอเน้นธุรกิจโรงแรม โละขายอะพาร์ตเมนต์ในอเมริกา
นายวัชริน กสิณฤกษ์ กรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ โครงการบ้านจัดสรร บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปี 2568 เผชิญแรงกดดัน จากยอดคงค้างหนี้เสีย (NPL) ของกลุ่มบ้าน
สะท้อนจากข้อมูลของ REIC ระบุ ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย กทม. และปริมณฑล ช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 ลดลง 10% (YoY) โดยยอดโอนฯ บ้านแนวราบหดตัว 22% (YoY) ส่วนคอนโดทรงตัวใกล้เคียงปีที่ผ่านมา
ขณะที่หน่วยที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ ปี 2567 (อ้างอิง AREA) ลดลง 40% (YoY) โดยเฉพาะกลุ่มบ้านเดี่ยว ลดลง 20% (YoY) แต่ความต้องการซื้อก็ยังน้อยกว่าซัพพลายใหม่ที่เข้าตลาดอยู่ 50% ส่งผลให้หน่วยเหลือขายบ้านเดี่ยวเพิ่มสูงขึ้น
ทำให้ LH ซึ่งมีพอร์ตฯ หลักกว่า 80% เป็นบ้านแนวราบ และกว่าครึ่งเป็นราคา 10 ล้านบาท เผชิญการแข่งขันดุเดือด
ปี 68 เปิดตัว 4 โครงการ ต่ำสุดในรอบ 20 ปี ชี้แม้บ้านแพง แต่รีเจ็กต์เรตสูง 20%
นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานกรรมการ บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) กล่าวว่า จากความท้าทายข้างต้น ประกอบกับในอดีตบริษัทฯ ได้เร่งการเปิดตัวโครงการจำนวนมาก ทำให้มีสินค้าในมือสำหรับการขายเพียงพอ
ปี 2568 จึงเปิดตัวเพียง 4 โครงการ มูลค่ารวม 11,180 ล้านบาท ลดลง 64% (YoY) จากปีก่อนเปิดตัว 12 โครงการ มูลค่า 30,850 ล้านบาท “ถือเป็นการเปิดตัวใหม่น้อยสุดในรอบ 20 ปี นับตั้งแต่ปี 2547”
โดย 4 โครงการใหม่ จะเป็นบ้านเดี่ยว ระดับกลาง-บนทั้งหมด ในพื้นที่กรุงเทพ 3 โครงการ และภูเก็ต 1 โครงการ แบ่งเป็นกลุ่มราคา 8-15 ล้านบาท คือ แบรนด์สีวลี และกลุ่มราคา 30-80 ล้านบาท คือ แบรนด์นันทวัน และ VIVE
ส่งผลให้ปีนี้ บริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 75 โครงการ มูลค่า 93,000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 10.5 ล้านบาท/หลัง
”แม้พอร์ตฯ บริษัทเจาะกลุ่มกลาง-บน แต่พบว่า อัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัย (รีเจ็กต์ เรต) เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว จากเดิม 10% เป็น 20% ส่วนใหญ่เป็นตลาดกลาง ราคา 7-10 ล้านบาท ส่วนลูกค้าระดับบนที่ซื้อเงินสด เมื่อเซนติเมนต์เศรษฐกิจยังไม่ดี เขาจะชะลอการซื้อเช่นกัน“
วางงบลงทุน 8,500 ล้านบาท เน้นโรงแรม จ่อขายอะพาร์ตเมนต์สหรัฐ รับเงิน 12,000 ล้านบาท
นายอาชวิณ อัศวโภคิน รองกรรมการผู้จัดการและผู้บริหารสูงสุดด้านการเงิน บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางงบลงทุนปีนี้ 8,500 ล้านบาท แบ่งเป็น
- งบซื้อที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 4,000 ล้านบาท
- งบลงทุนอสังหาฯ เพื่อการเช่า อาทิ โรงแรม 4,500 ล้านบาท
เบื้องต้น จะเน้นกลุ่มธุรกิจโรงแรม ที่ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการท่องเที่ยวสูง ทั้งโรงแรมในไทย อาทิ กรุงเทพ ที่มีราคาเฉลี่ยห้องพักต่อคืน (ADR) ตั้งแต่ 4,000-7,000 บาท และอัตราการเข้าพัก (OCC) มากกว่า 80% ส่วนในสหรัฐอเมริกา OCC ก็แตะระดับ 85-90% เช่นกัน
โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างพัฒนาโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ 3 แห่งใหม่ คือ
- ลุมพินี (เปิดไตรมาส 2/68)
- ราชดำริ 2 (เปิดไตรมาส 1/69)
- พัทยา 3 (เปิดไตรมาส 1/70)
รวมถึงศึกษาโอกาสในการเข้าซื้อโรงแรมในสหรัฐอเมริกาเพิ่มเติมอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เตรียมปรับพอร์ตฯ ทยอยขายธุรกิจอะพาร์ตเมนต์ในสหรัฐอเมริกา 3 แห่ง ได้แก่ Parc, Yard และ Revere มูลค่ารวม 381 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท) เนื่องจาก ทำอัตราผลตอบแทน (ยีลด์) ต่ำเพียง 3-4% ต่างจากกลุ่มโรงแรมที่มียีลด์สูง 8-9%
“ปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขาย 23,000 ล้านบาท และยอดโอนกรรมสิทธิ์ 20,000 ล้านบาท รวมไปถึงรายได้จากอสังหาให้เช่า 9,240 ล้านบาท รวมถึงมีแผนลดหนี้สินต่อทุนให้เหลือ 1 เท่า จากเดิม 1.3 เท่า อีกด้วย”