สุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาสิริ กรุ๊ป กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯ พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรวม 38 แห่ง มูลค่า 18,000 ล้านบาท โดยเน้นกลุ่มระดับราคา 5-8 ล้านบาทขึ้นไป
และได้ขยายลูกค้าในทุกกลุ่มรายได้ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวเซกเมนต์ลักซูรี ที่ยังมีการเติบโตสวนทางตลาดอสังหาฯ
เบื้องต้น บริษัทฯ ได้ร่วมทุน (JV) กับกลุ่มอนาบูกิ Top 7 อสังหาญี่ปุ่น ปั้นที่อยู่อาศัยโครงการที่ 5 ได้แก่ “อนาบูกิ ธนาเรสซิเดนซ์ กาญจนาภิเษก-พระราม 9” มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท จำนวน 74 ยูนิต ราคา 18-30 ล้านบาท เจาะกลุ่มผู้มีรายได้สูง
“จากการเจาะเซกเมนต์ลักซูรีที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ คาดว่าจะช่วยหนุนภาพรวมบริษัทฯ ในปี 68 เติบโต 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน”
มาซาอากิ คากาวะ กรรมการบริษัท อนาบูกิกรุ๊ป กล่าวว่า ช่วง 5 ปี (พ.ศ. 2563 – 2568) บริษัทฯ ลงทุนในไทย จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวม 4,900 ล้านบาท โดยเฉลี่ยเปิดตัวปีละ 1 โครงการ กระจายหลายโซน ตั้งแต่นนทบุรี และบางนา-บางบ่อ
ทั้งนี้ ประเทศไทย ครองสัดส่วน 70% ของการลงทุนพัฒนาอสังหาในต่างประเทศของอนาบูกิ รองลงมาจะเป็นเวียดนาม 10% อินโดนีเซีย 10% และสหรัฐอเมริกา 10%
“การขยายโอกาสในการลงทุนร่วมกับ ธนาสิริ ในกลุ่มลูกค้าระดับบนรายได้สูงนั้น มองว่าเป็นก้าวสำคัญในการเติบโต เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยให้ครบทุกเซกเมนต์”

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึง ภาพรวมตลาดอสังหาช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค. – เม.ย.) ปี 2568 สุทธิรักษ์ ให้ความเห็นว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในไทย ยังคงซึมต่อเนื่องจากปีก่อน โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว
แม้เร็ว ๆ นี้จะมีมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ คือ การผ่อนคลาย LTV ซึ่งมาช่วยบูสต์กลุ่มซื้อบ้านหลังที่สอง และการลดดอกเบี้ย ทำให้กำลังซื้อกระเตื้องได้เล็กน้อย
ทว่าในภาพรวมการกระตุ้นตลาดอสังหาในระยะยาว ต้องอาศัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมากกว่า
“ตั้งแต่ปลายปีก่อนคนมาดูบ้านน้อยลง เพิ่งมาฟื้นตัวตอนมีนโยบายรัฐเข้ามาช่วย ทำให้ลูกค้ากลับมาดูบ้าน และสนใจกลับมาติดต่อพูดคุยเรื่องบ้านอีกครั้ง”
โดยตั้งแต่ปีก่อน ตนเห็นภาพตลาดอสังหาชะลอตัวลง ซัพพลายมีมาก จากการเร่งสร้างเมื่อ 2 ปีก่อน สวนทางดีมานด์ที่ชะลอการซื้อบ้านออกไป ทำให้เลื่อนแผนการเปิดตัวโครงการจากปี 2567 มายังปีนี้แทน
“ปีนี้คาดเปิดตัวเพียง 1 โครงการ จากแผนเดิมเปิดตัว 3-4 โครงการ หากภาพรวมเศรษฐกิจไม่ดี อาจปรับแผนลดขนาดโครงการให้เล็กลง”




