สพ.ญ.ทัศวรินทร์ กาญจนฉายา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลสัตว์อารักษ์ เปิดเผยว่า ตลาดสัตว์เลี้ยง ปี 2568 มีมูลค่า 75,000 ล้านบาท เติบโตระดับ Double Digit โดยแบ่งออกเป็น
- 59% อาหารสัตว์ 44,250 ล้านบาท
- 31% อุปกรณ์สัตว์เลี้ยง 23,250 ล้านบาท
- 9% การดูแลรักษาสัตว์เลี้ยง 6,750 ล้านบาท
- 1% การดูแลอื่น ๆ 750 ล้านบาท
การเติบโตที่สูงขึ้นของตลาดสัตว์เลี้ยง มาจากพฤติกรรมคนที่เปลี่ยนไป โดยดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนคนในครอบครัว (Pet Parent) ส่งผลให้การดูแลแบบ Preventive และการใช้จ่ายกับสัตว์เลี้ยงขยายตัว
สะท้อนจากการรักษาในโรงพยาบาลสัตว์ก็เปลี่ยนแปลงเช่นกัน จากเดิมมารักษาแค่พอให้สัตว์เลี้ยงหายป่วย แต่ปัจจุบันทั้งรักษาให้หาย และทำทุกวิธีให้สัตว์เลี้ยงสบายมากขึ้น และการรักษาแบบใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ไม่ต่างจากมนุษย์ (Pet Humanization) แม้มีค่าใช้จ่ายสูง อาทิ
- MRI ราคา 24,000 บาท/ครั้ง
- CT SCAN ราคา 8,500 บาท
เบื้องต้น รพส.อารักษ์ ลงทุนสร้างศูนย์วิจัยรังสี ใช้งบประมาณ 35 ล้านบาท นำเข้าเครื่อง MRI รุ่น 1.5 Tesla และอีก 10 กว่าล้านบาท ซื้อเครื่อง CT SCAN ที่มาพร้อมระบบ AI วิเคราะห์ภาพ ย่นระยะเวลาการตรวจลง 50% ซึ่งสามารถวินิจฉัยโรคได้รวดเร็ว และเพิ่มทางรอดให้แก่สัตว์เลี้ยงได้
“ปัจจุบัน รพส.อารักษ์ มีการตรวจ MRI ให้สัตว์เลี้ยง 15 เคส และทำ CT SCAN ประมาณ 90 เคส”

สพ.ญ.ทัศวรินทร์ กล่าวว่า จากการทำงานมา 20 ปี เจอทุกวิกฤตทั้งน้ำท่วม เศรษฐกิจซบเซา และชุมนุมทางการเมือง แต่ไม่มีวิกฤตใดกระทบต่อธุรกิจ รพ.สัตว์ ได้ เพราะท้ายสุดแล้ว เจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่ทิ้ง และหาทางรักษาอย่างดีที่สุด
สำหรับ รพส.อารักษ์ มียอดใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 2,500 บาท/ครั้ง/ตัว โดย Top 3 การเข้าใช้บริการสูงสุด ได้แก่
- การรักษาและการผ่าตัด
- การรักษาสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive)
- กลุ่มโรงแรมสัตว์เลี้ยง และบริการอาบน้ำตัดขน
สำหรับแผนปี 2568 เตรียมขยาย รพส.อารักษ์ เพิ่ม 2 สาขา บนทำเลศักยภาพสูง (Prime Areas) ที่ยังไม่เคยไป คือ ลาดพร้าวและรังสิต
รวมไปถึงการแตกไลน์ รพ.สัตว์แบรนด์ใหม่ เน้นราคาเข้าถึงง่าย (Affortdable) จำนวน 3 สาขา โดยขณะนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จหมดแล้ว คาดเปิดตัวในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า
จากปัจจุบัน รพส.อารักษ์ มีสาขารวม 5 แห่ง ได้แก่ หลังสวน ทองหล่อ เพชรเกษม เชียงใหม่ และภูเก็ต