ประกาศชื่อไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับผู้ที่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้ง Virtual Bank โดยมีด้วยกัน 3 จาก 5 กลุ่มทุน โดย Positioning จะพาไปดูถึง จุดแข็ง ของแต่ละกลุ่ม ว่ามีความพร้อมแค่ไหนก่อนจะเริ่มให้บริการภายในเดือนมิถุนายน 2569
KTB + AIS + GULF + OR
ถือเป็นกลุ่มที่ได้เปรียบในด้าน Touch Point และ ฐานลูกค้า เพราะ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม เป๋าตัง ทำให้มีฐานลูกค้าถึง 40 ล้านคน ส่วน เอไอเอส (AIS) ก็มีจำนวนลูกค้าโมบายกว่า 45.7 ล้านเลขหมาย และลูกค้าบรอดแบนด์ 4.94 ล้านราย และในฝั่งของ OR เองก็มีสมาชิกราว 7.9 ล้านราย จากสมาชิก Blue Plus+
ดังนั้น การรวมตัวกันของ 3 ยักษ์ใหญ่ ทำให้มี ข้อมูลลูกค้าจำนวนมหาศาล ที่สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน หรือกลุ่ม Underserved
นอกจากนี้ เรื่องของการเข้าถึงก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะธนาคารกรุงไทย ถือเป็นธนาคารที่มีสาขามากที่สุดในไทยด้วยจำนวน 975 แห่ง ขณะที่ เอไอเอส ก็มีช่องทางการจัดจำหน่ายและบริการลูกค้า 23,000 แห่ง ในส่วนของ OR ที่เด่น ๆ ก็มี PTT Station 2,279 แห่ง และ คาเฟ่ อเมซอน กว่า 4,430 สาขา ดังนั้น สามารถเข้าถึงคนไทยได้ทั่วประเทศแน่นอน
SCBx + WeBank + KakaoBank
ถือเป็นกลุ่มที่มีจุดเด่นในด้าน เทคโนโลยีฟินเทค เนื่องจากได้พันธมิตรระดับโลกอย่าง WeBank ธนาคารดิจิทัลรายแรกของจีนที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 โดย Tencent ปัจจุบัน WeBank ถือเป็นธนาคารดิจิทัลใหญ่ที่สุดของจีน มีผู้ใช้งานมากกว่า 362 ล้านบัญชี และ 75% ของผู้ใช้เป็นกลุ่มชนชั้นแรงงาน ซึ่งเป็นกลุ่ม Underserved
ที่ผ่านมา WeBank ประสบความสำเร็จอย่างมากในการให้บริการสินเชื่อรายย่อย (micro-loans) ให้กับกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อจากธนาคารดั้งเดิมได้ นอกจากนี้ WeBank ยังใช้เทคโนโลยี AI และ Chatbot ในการให้บริการลูกค้าถึง 98%
ส่วน KakaoBank ที่เปิดตัวในปี 2017 แต่สามารถขึ้นเป็นธนาคารดิจิทัลอันดับหนึ่งของเกาหลีใต้ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ KakaoBank ให้ความสำคัญกับการออกแบบแอปพลิเคชันให้ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว และเป็นมิตรกับผู้ใช้ (user-friendly) ตั้งแต่การเปิดบัญชี (paperless, ภายในไม่กี่นาที) การโอนเงิน (โอนระหว่างบัญชี KakaoTalk ได้เลย) ไปจนถึงการขอสินเชื่อ
อีกทั้งยังมีนวัตกรรมใหม่ ๆ มาดึงดูดผู้ใช้ อาทิ 26-Week Installment Savings Account บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่ท้าทายให้ผู้ใช้เก็บเงินเป็นระยะเวลา 26 สัปดาห์ ด้วยรูปแบบที่สนุกและจูงใจทำให้การบริหารจัดการเงินเป็นกลุ่มง่ายขึ้น ทำให้ได้ใจคนรุ่นใหม่แบบสุด ๆ
ขณะที่ เอสซีบี เอกซ์ (SCBx) ยานแม่ของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงิน โดยมี 11 บริษัทภายใต้กลุ่มฯ ครอบคลุม 3 กลุ่มธุรกิจสำคัญ ได้แก่ ธุรกิจธนาคาร (Banking Business) ธุรกิจบริการทางการเงินดิจิทัลและสินเชื่อเพื่อรายย่อย (Consumer and Digital Finance Business) ธุรกิจแพลตฟอร์มและเทคโนโลยี (Platform and Technology Business) ดังนั้น กลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มที่น่าจับตาใน Know How ด้านเทคโนโลยีที่ถูกพิสูจน์มาแล้วในตลาดจีนและเกาหลีใต้
ascend money
ถือเป็นกลุ่มที่มีจุดแข็งทั้งฐานลูกค้า และเทคโนโลยีระดับโลก เพราะ ascend money เป็นกลุ่มบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี ที่ให้บริการ e-Wallet อย่าง ทรูมันนี่ (TrueMoney) ซึ่งมีผู้ใช้กว่า 34 ล้านคน ทั่วประเทศ และที่ผ่านมา บริษัทได้ออกสินเชื่อ กรมธรรม์ประกันภัย และกองทุนรวม ซึ่งลูกค้าเกินกว่า 50% เป็นกลุ่มที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อเป็นครั้งแรก หรือเคยลงทุนเป็นครั้งแรก
และอย่างที่ทราบว่า เครือซีพี มีธุรกิจที่หลากหลาย ดังนั้น จะช่วยให้เข้าถึงข้อมูลมหาศาลจากฐานลูกค้าในเครือ เช่น ลูกค้า ทรูมูฟเอช ที่มีกว่า 51 ล้านเลขหมาย เป็นต้น
ขณะที่ แอนท์ กรุ๊ป (Ant Group) เป็นบริษัทฟินเทคของ อาลีบาบา (Albaba) จากจีน ซึ่ง Alipay ถือเป็น แพลตฟอร์มชำระเงินผ่านมือถือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยจำนวนผู้ใช้กว่า 1 พันล้านราย และมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี AI และ Data Analytics ในการประเมินความเสี่ยงและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ดังนั้น ไม่น่าห่วงเรื่อง Know how และเทคโนโลยี เพราะถือเป็นเบอร์ต้น ๆ แน่นอน
ก็คงต้องรอดูว่าแต่ละกลุ่มทุนจะออกผลิตภัณฑ์แบบไหนมาดึงดูดผู้ใช้งานกันบ้าง และจะสามารถเข้าถึงกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการบริการทางการเงินได้อย่างทั่วถึงอย่างที่ต้องการหรือไม่ อีก 1 ปีจากนี้ได้รู้กัน