ปีเผาจริงของธุรกิจรึเปล่าไม่รู้ แต่ ‘เฟิร์น-นัทธมน พิศาลกิจวนิช’ ประกาศสิ้นปีนี้จะพา ‘สุกี้ตี๋น้อย’ มีรายได้ 9,000 ล้านบาท และถ้าเป็นไปได้อยากให้ถึง 10,000 ล้านบาท โดยเตรียมลุยธุรกิจต่อเนื่อง ทั้งขยายสาขา, เปิด ‘แบรนด์ใหม่’ ในช่วงปลายปี พร้อมยกเครื่องระบบ Member Card ให้กินฟรี และจองคิวล่วงหน้าได้
ในงานฉลองครบ 1 ล้านผู้ติดตามเพจสุกี้ตี๋น้อย ‘เฟิร์น-นัทธมน พิศาลกิจวนิช’ ซีอีโอ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอ รองท์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ก่อตั้งสุกี้ตี๋น้อย ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของสุกี้ตี๋น้อยเกิดขึ้น เพราะเธอต้องการสร้างการเติบโตและความมั่นคงให้กับตัวเอง ซึ่งจุดที่สร้างความสำเร็จให้กับสุกี้ตี๋น้อย หลัก ๆ มาจาก ‘ความคุ้มค่า’ ในเรื่องราคาและคุณภาพด้านต่าง ๆ และ ‘การฟังเสียงของลูกค้า’
อย่างเช่น การให้เอาน้ำจิ้มแบรนด์ใดเข้ามากินในร้านสุกี้ตี๋น้อย ก็มาจากจุดประสงค์ของการทำสุกี้ตี๋น้อยที่เธออยากให้ลูกค้ากินแล้วอร่อยมากที่สุด และคุ้มค่าที่สุด ซึ่งแต่ละคนจะมีความชอบไม่เหมือนกัน ดังนั้น หากลูกค้าอร่อยแบบไหน ก็ตามใจ เอาน้ำจิ้มร้านไหนมาก็ยินดี
หรืออย่าง ‘TN เลาจน์’ ที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2568 ก็เป็นการแก้ Pain Point ของลูกค้าในเรื่องการต่อคิวยาว จึงเปิด TN เลาจน์ ให้สำหรับเป็นสถานที่นั่งรอ และสามารถมีผู้ติดตามได้
ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 9,000 ล้านบาท แต่ใจอยากให้ถึง 10,000 ล้านบาท
สำหรับเป้าหมายการเติบโตในปี 2568 แม้จะมีปัจจัยลบมากมาย โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจ แต่ เฟิร์น-นัทธมน บอกว่า ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดี ยิ่งต้องมากินสุกี้ตี๋น้อยเพราะมีความคุ้มค่า ซึ่งในส่วนของรายได้ในปีนี้ตั้งเป้าไว้ 9,000 ล้านบาท แต่ใจจริง ๆ อยากให้ถึง 10,000 ล้านบาท แต่ยอมรับเป็นเรื่องที่ยากและท้าทายจากสถานต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ ณ ตอนนี้
การสร้างรายได้ให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ หลัก ๆ มาจาก ‘การขยายสาขาใหม่’ โดยปัจจุบันสุกี้ตี๋น้อยมี 86 สาขา และ Teenoi BBQ 4 สาขา ช่วงครึ่งปีแรกได้เปิดสาขาใหม่ไปแล้ว 11 สาขา เป็น Suki Teenoi 8 สาขา Teenoi BBQ 3 ส่วนครึ่งปีหลังจะเปิดสาขาอีก 10 สาขา เป็นสุกี้ตี๋น้อย 8 สาขา Teenoi BBQ 3 สาขา
ขณะที่ในปี 2569 ตั้งเป้าจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 32 สาขา ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดเท่าที่ทำมา
รวมถึงในช่วงปลายปี 2568 จะมีเปิด ‘แบรนด์ใหม่’ เข้ามาเสริมพอร์ตให้แข็งแรงมากขึ้น ซึ่งเฟิร์น-นัทธมน บอกว่า ‘เซอร์ไพร์ส’ แน่นอน โดยแบรนด์ใหม่นี้ยังยืนบนคำว่า ‘ความคุ้มค่า’ ซึ่งเป็นจุดแข็งเดียวกันกับสุกี้ตี๋น้อย
นอกจากนี้ ยังมีการเติมเกมรุกเรื่อง CRM ผ่านการเปิดตัวบัตร Member Card ซึ่งมีมากกว่า 700,000 ราย โดยเป็นการแก้ Pain Point ก่อนหน้านี้ เนื่องจากสิทธิพิเศษแบบเดิมค่อนข้างใช้ยาก และมีความไม่ชัดเจน ทำให้นำมาแก้ไขให้ระบบใช้งานได้ง่าย มีการแบ่งระดับชัดเจน
สำหรับ Member Card แบบใหม่ ประกอบด้วย
- Red Card – เป็นสมาชิกระดับเริ่มต้น สมัครได้เลย เพื่อสะสมจำนวนการทานไว้เป็นสมาชิกระดับถัดไป
- Silver Card – ผู้รับสิทธิ์ถือบัตร ต้องใช้บริการ 60 ครั้ง ใน 1 ปี สิทธิ์พิเศษของบัตรนี้ คือ
-จะได้ทานฟรี 1 ครั้ง ในเดือนเกิด และสามารถพาผู้ติดตามมาได้ด้วย แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดว่า สามารถพา ผู้ติดตามเข้าได้กี่คน, สามารถจองโต๊ะล่วงหน้าได้ในเดือนเกิด ไม่ต้องไปรอคิวหน้าร้าน
- Gold Card ผู้รับสิทธิ์ถือบัตร ต้องใช้บริการ 90 ครั้ง ใน 1 ปี สิทธิ์พิเศษของบัตรนี้ คือ
– จะได้ทานฟรีในเดือนเกิดพร้อมผู้ติดตาม 2-3 คนหรือมากกว่านั้น, สามารถจองโต๊ะล่วงหน้าได้ตลอดทั้งปี และเข้าใช้บริการ ‘TN เลาจน์’ ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
- Platinum Card เบื้องต้นสิทธิพิเศษขั้นต่ำจะเหมือน Gold Card ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ รอเปิดเผยอีกครั้ง
เฟิร์น-นัทธมน บอกว่า สุกี้ตี๋น้อยยังเปิดรับพาร์ทเนอร์ใหม่ ๆ ที่จะมาร่วมในสิทธิ์ Member Card นี้ เช่น PTG เจ้าของสถานีบริการน้ำมัน PT และร้านกาแฟพันธุ์ไทย พร้อมยินดีที่จะร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับทั้งแบรนด์เล็กและแบรนด์ใหญ่ เพื่อเติบโตไปด้วยกัน
ส่วนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่เคยได้ยินข่าวมาก่อนหน้านี้ เธอบอกว่า จะ ‘เข้า’หรือ ‘ไม่เข้าก็ได้’ เพราะไม่ได้ตอบโจทย์อะไรสำหรับตัวเธอและธุรกิจของสุกี้ตี๋น้อยในปัจจุบัน โดยการที่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการทำระบบหลังบ้านให้แข็งแรงทั้งระบบบัญชี การตรวจสอบ การควบคุมภายในต่าง ๆ ให้ดี เป็นการตอบโจทย์ใหญ่ที่เธอต้องการสร้างให้สุกี้ตี๋น้อยเติบโตอย่างยั่งยืนและอยู่ได้ไปอีกนาน ๆ ไม่ใช่เตรียมตัวเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์



