ยอดโอนกรรมสิทธิ์อสังหา Q2/68 หดตัว 10% ตลาดต่างชาติชะลอตัว จีนซื้อน้อยลง 28% สวนทางเมียนมาช้อปพุ่ง 119%

ภาพตึกคอนโด ที่มาภาพ ผู้จัดการออนไลน์

ภาคอสังหาริมทรัพย์ ยังคงชะลอตัว สะท้อนจากข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) พบว่า ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ไตรมาส 2 ปี 2568

  • จำนวน 77,343 หน่วย ลดลง 10.9% (YoY)
  • มูลค่า 210,056 ล้านบาท ลดลง 13.6% (YoY)

หากพิจารณาตามประเภท พบว่า

  • บ้าน มียอดโอนฯ 5.3 หมื่นหน่วย ลดลง 7.7% มูลค่า 1.56 แสนล้านบาท ลดลง 9.3% (YoY)
  • คอนโดมิเนียม มียอดโอนฯ 2.3 หมื่นหน่วย ลดลง 17.5% มูลค่า 5.3 หมื่นล้านบาท ลดลง 24.1% (YoY)

ดังนั้น ในช่วงครึ่งปีแรก 2568 จึงมียอดโอนฯ รวม 142,619 หน่วย ลดลง 10.7% มูลค่า 391,601 ล้านบาท ลดลง 13.3% (YoY)

สำหรับ ตลาดที่อยู่อาศัยไทยในกลุ่มชาวต่างชาติ พบว่า มียอดโอนฯ คอนโด จำนวน 3,248 หน่วย ลดลง 2.2% คิดเป็นมูลค่า 12,318 ล้านบาท ลดลง 16.9% (YoY)

โดยชาวต่างชาติที่มีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดทั่วประเทศสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่

  1. จีน
  2. เมียนมา
  3. รัสเซีย
  4. ไต้หวัน
  5. ฝรั่งเศส
  6. สหรัฐอเมริกา
  7. สหราชอาณาจักร
  8. เยอรมัน
  9. อินเดีย
  10. ญี่ปุ่น

“จีน” มีแนวโน้มการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดลดลงต่อเนื่อง โดยในไตรมาสนี้ มีจำนวน 899 หน่วย ลดลง -28.8% และมีมูลค่า 3,391 ล้านบาท ลดลง -39.4% และคาดว่ากำลังซื้อชาวจีนมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังปี 2568

ขณะที่ “เมียนมา” มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดจำนวน 533 หน่วย เพิ่มขึ้น 119.3% มีมูลค่า 1,347 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.9% และคาดว่ากำลังซื้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ทำให้ที่อยู่อาศัยในพม่าได้รับความเสียหาย

อย่างไรก็ดี ตลาดที่อยู่อาศัยไทย มีปัจจัยเสี่ยงน่าจับตาหลายด้าน ดังนี้

  • เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลัง 2568 น่าจะชะลอตัวกว่าครึ่งปีแรก จากภาษีสหรัฐฯ ทำกำลังซื้ออ่อนลง
  • ผู้ประกอบการอสังหาเปิดโครงการน้อยลง ส่วนผู้บริโภคความสามารถในการกู้สินเชื่อลดลงเช่นกัน
  • ผู้ประกอบการรายกลาง-เล็กเสี่ยงสภาพคล่อง
  • นักท่องเที่ยวลดลง
  • ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา

ฉะนั้น REIC ประเมินแนวโน้มทั้งปี 2568 คาดว่า จะมียอดโอนกรรมสิทธิ์รวม 343,678 หน่วย ลดลง 1.2% และมูลค่า 964,027 ล้านบาท ลดลง 1.7% (YoY)

ส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ ทั่วประเทศ ในปี 2568 คาดจะมีมูลค่าประมาณ 582,800 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2567 ซึ่งมีมูลค่า 584,843 ล้านบาท