ใครที่มีธุรกิจครอบครัวที่รอให้ทายาทสานต่อ น่าจะมีความกังวลไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะใครที่ได้ดูซีรีส์อย่าง สงครามส่งด่วน จากทาง Netflix มาแล้ว น่าจะจำกับสุภาษิตจีนที่แปลเป็นไทยว่า พ่อสร้าง ลูกใช้ หลานพัง กันได้ดี โดย Positioning ได้สรุป 4 กุญแจสำคัญ จาก ดร.นิติ เนื่องจำนงค์ ผู้อำนวยการอาวุโส Wealth Planning and Family Office ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่แนะนำใช้ปรับโครงสร้างธุรกิจครอบครัว ให้เกิดความยั่งยืน จากงานสัมมนา เปิดตำนานบทใหม่ GEN3 สานต่อธุรกิจยั่งยืน จัดโดยวารสารการเงินธนาคาร
ต้องมีธรรมนูญครอบครัว
ถ้าใครที่คุ้นเคยกับละครหรือซีรีส์ไทยที่มีฉากหลังเป็นตระกูลใหญ่ มี ธุรกิจเป็นของตัวเอง น่าจะเห็นภาพที่ค่อนข้างชัดของค่านิยมที่มักจะให้ ลูกชายคนโต ขึ้นมาสานต่อธุรกิจครอบครัว ซึ่งแน่นอนว่าอาจสร้างความ ไม่พอใจ ให้ลูกที่เหลือ ดังนั้น หนึ่งในแนวทางแก้ไขที่ ดร.นิติ แนะนำ ก็คือ การทำ ธรรมนูญครอบครัว (Family Constitution)
โดยข้อแนะนำในการทำธรรมนูญครอบครัวคือ รวบรวมความต้องการที่แท้จริงของครอบครัว เพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน ในการกำหนดหลักการ กฎ กติกา และแนวทางการจัดการธุรกิจครอบครัว เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน ลดความขัดแย้ง และส่งเสริมความยั่งยืนของธุรกิจและความสัมพันธ์ในครอบครัว
“ความต้องการของครอบครัว ไม่ใช่ความต้องการของพ่อแม่ เป็นความต้องการของทุกคน นำมาผสมกัน เพื่อสกัดออกมาให้ได้ว่า DNA ของครอบครัวคืออะไร มาตรฐานของครอบครัวคืออะไร เพื่อสร้างเป็นธรรมนูญครอบครัว”
อีกเรื่องที่ต้องทำก็คือ บัญชีทรัพย์สิน เพื่อรวบรวมทรัพย์สินทั้งหมดมาใส่ในกระดาษแผ่นเดียว จากนั้นจึงทำ Planning ว่าจะแบ่งสันปันส่วนอย่างไร หรือสามารถนำมาแนบใช้กับพินัยกรรม ซึ่งจะช่วยลดความยุ่งยาก

ดึงมืออาชีพมาเป็นคนกลาง
หลายครอบครัวมีปัญหาเรื่อง เงินกงสี ไม่ให้ก็ โกรธ ดังนั้น ธุรกิจควรมี คณะกรรมการธุรกิจครอบครัว ที่ต้องประกอบด้วย มืออาชีพ เข้ามาดูแล ไม่ว่าจะฝ่ายการเงิน, กฎหมาย, ไอที เป็นต้น เพื่อเป็นตัวกลางช่วยแก้ปัญหา
เช่นเดียวกันกับ กรรมการบริษัท ก็ควรดึงมืออาชีพเข้ามา โดยเฉพาะบางธุรกิจกงสี ยังใช้ญาติพี่น้องนั่งเป็น กรรมการ บางคนนั่งเฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรก็มี ซึ่งสิ่งนี้ควรหยุด เพราะถ้า ไม่มีอำนาจบริหาร ไม่ควรใส่ชื่อเป็นกรรมการ เนื่องจากมีโอกาสถูกฟ้องร้องตามกฎหมาย
แนะนำว่าให้ดัน พนักงานที่เก่งและไว้ใจได้ ไปถึงระดับคณะกรรมการ เพราะอนาคตการดึงคนเก่ง ๆ เข้ามาในบริษัทยากมาก ส่วนอยากใส่ชื่อลูกหลานเป็นกรรมการบริษัท แนะนำให้ใส่ในบริษัทโฮลดิ้งแทน
วางระบบแก้ไขความขัดแย้ง
อีกเรื่องที่ต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า ความขัดแย้งเกิดได้ตลอดเวลา ดังนั้น ต้องมีคนกลางก็คือ คนกลางในการประนอมข้อพิพาท แนะนำ 2 ระบบที่ไม่ต้องขึ้นศาล ได้แก่
- การประนอมหรือการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ซึ่งเป็นการหาคนกลางมาประณีประนอม ไม่ได้ตัดสินว่าใครถูก หรือผิด
- ระบบอนุญาโตตุลาการ เป็นระบบที่มีคำชี้ขาดว่าใครผิดใครถูก รวดเร็ว เป็นระบบปิด และคำตัดสินนี้สามารถบังคับใช้ในประเทศที่เป็นภาคีสมาชิกอนุสัญญานิวยอร์ก
“ผลประโยชน์กับอำนาจ เป็นบ่อเกิดแห่งความขัดแย้ง และ ความขัดแย้งเกิดตั้งแต่เขาเกิด เราจะแก้ไขเรื่องเหล่านั้นได้อย่างไร ดังนั้น การมีระบบ มีกลไก ที่เป็นคนกลาง จึงจำเป็นเพื่อแก้ไขความขัดแย้ง”
อย่าใช้เหตุผล ให้ใช้อารมณ์
สุดท้าย การฟังเชิงลึก คือการสื่อสารที่ดีที่สุดในบ้าน เพราะส่วนมากครอบครัวมักจะพูด แต่ไม่มีใครฟัง ซึ่งการฟังเชิงลึกก็คือ การฟังด้วยหัวใจ ว่าถ้าเราเป็นเขา เราจะรับเงื่อนไขแบบนี้ได้ไหม และการประชุมในครอบครัว อย่าใช้เหตุผล ต้องใช้อารมณ์แล้วจะสำเร็จ ถ้าใช้เหตุผลไม่มีวันสำเร็จ อารมณ์ที่ว่าคือ ความรัก ความผูกพัน ถ้าเริ่มด้วยเหตุด้วยผล ต้องมีคนถูก ต้องมีคนผิด ดังนั้น ฟัง แล้วหาความต้องการที่แท้จริงของคนคนนั้นให้ได้
“สุดท้ายแล้ว สิ่งเดียวที่จะทำให้ธุรกิจครอบครัวยั่งยืนคือ ให้สมาชิกในครอบครัวมีส่วนร่วม คือ การฟังความต้องการ ฟังด้วยความรัก ความเข้าใจ และหาความต้องการที่แท้จริงของครอบครัว แล้วสร้างแวลู่จากสิ่งนี้ เพื่อไปเป็น Out put ในแต่ละเรื่องไม่ว่าจะเป็นธรรมนูญครอบครัวหรือเรื่องอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจครอบครัวยั่งยืนอย่างแท้จริง”





