ตลาดคอนโด ปี 68 ชะลอตัวเปิดตัวใหม่ เน้นระบายสต็อก กู้แบงก์ยาก ตรวจยันผลประกอบการบริษัทของผู้กู้

สุรเชษฐ กองชีพ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดคอนโดมิเนียม พื้นที่ กทม. ไตรมาส 3 ปี 2568 มีจำนวน 6,618 ยูนิต คิดเป็นยอดสะสมช่วง 9 เดือนแรก จำนวน 13,504 ยูนิต ใกล้เคียงกับปีก่อน

แต่ราคาเฉลี่ยของคอนโดเปิดใหม่ ในช่วงไตรมาส 3 นี้ เพิ่มขึ้นเป็น 131,419 บาท/ตร.ม. จากไตรมาส 2 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 89,500 บาท/ตร.ม. สะท้อนว่าผู้ประกอบการพัฒนาคอนโดระดับราคาสูงขึ้น แม้กำลังซื้อชะลอตัว

คอนโดเปิดตัวใหม่ไตรมาส 3 ปี 2568

สร้างเสร็จเหลือขายหลักแสนล้านบาท เร่งระบายสต็อก

ที่น่าสนใจคือ หลายโครงการเปิดขายโดยไม่ได้ประกาศขาย (Presale) แบบเป็นทางการ แต่เปิดขายในลักษณะให้จองบางชั้นก่อน เพื่อทดลองตลาดดูว่าได้รับความสนใจมากน้อยเพียงใด จากนั้นจึงเปิดขายแบบเป็นทางการหลังจากช่วงเวลาดังกล่าวไม่นาน

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ยังเน้นทำการตลาดสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ มากกว่าเปิดโครงการใหม่ เพื่อระบายสต็อกเก่า

“ปัจจุบันมีหน่วยสร้างเสร็จเหลือขายหลายหมื่นยูยิต มูลค่าหลักแสนล้านบาท กดดันผู้ประกอบการเร่งปิดการขายโครงการเก่า ทั้งแบบปกติ และแบบบิ๊กล็อต (ขายทีเดียวจำนวนมาก)”

สุรเชษฐ กองชีพ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ประเทศไทย

คอนโดขาลงไปอีก 3 ปี แบงก์เข้มงวดปล่อยสินเชื่อ ตรวจสอบถึงบริษัท    ผู้กู้

ภาพรวมตลาดคอนโด ประเมินว่า จะชะลอตัวไปอีก 2-3 ปี (ถึงปี 2570) ด้วยภาวะเศรษฐกิจ การเมืองไม่นิ่ง และกำลังซื้อคนไทยไม่มากพอ ประกอบกับคนซื้อที่อยู่อาศัยน้อยลง ตามจำนวนคนไทยที่เกิดใหม่ลดลงตั้งแต่ปี 2514 เป็นต้น

“การใช้จ่ายเงินของคนไทยคงไม่แตกต่างจากช่วงที่ผ่านมา และการสร้างหนี้สินระยะยาวจากการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงเวลานี้ยังไม่เหมาะสมนัก”

ส่วนอีกหนึ่งแรงกดดัน คือ สถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ โดยพบว่า ปัจจุบันแบงก์ไม่ได้ดูแค่เครดิตของผู้ยื่นกู้เท่านั้น แต่พิจารณาถึงผลประกอบการและสภาพคล่องของบริษัทฯ ที่ผู้ยื่นกู้ทำงานอยู่

ลุยตลาดต่างชาติ ลุ้นปีหน้าจีนกลับมา

สุรเชษฐ ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติม เรื่องกำลังซื้อชาวต่างชาติด้วยว่า การเข้าถึงกำลังซื้อต่างชาติเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการพยายามหาช่องทางเข้าถึงมาโดยตลอดในช่วงที่ผ่านมา

ผู้ประกอบการหลายรายมีการร่วมมือหรือจัดตั้งบริษัทร่วมกับบริษัทนายหน้า หรือตัวแทนนายหน้าต่างชาติ โดยเฉพาะผู้ซื้อชาวจีนเพื่อเข้าถึงกำลังซื้อต่างชาติโดยตรง ไม่ผ่านคนกลางมาต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มนายหน้าสัญชาติอื่น ๆ เช่น รัสเซีย และเมียนมา เป็นต้น ที่เข้ามาทำงานหรือช่วยผู้ประกอบการขายคอนโดมิเนียมหรือที่อยู่อาศัยรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะโครงการในเมืองท่องเที่ยว

ทั้งนี้ กำลังซื้อต่างชาติ โดยเฉพาะ ‘ชาวจีน’ อาจจะมากขึ้นในปี 2569 เพราะสถานการณ์ต่างๆ เริ่มดีขึ้น ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องของความปลอดภัยในประเทศไทยเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมากแล้ว แม้ว่าจะมีชาวจีนส่วนหนึ่งเลือกไปประเทศอื่น ๆ มากกว่าประเทศไทยในปีนี้

แต่ถ้าพิจารณาจากความต้องซื้อที่อยู่อาศัยแล้ว ประเทศไทยยังคงอยู่อันดับต้น ๆ หรือ อันดับ 1 เสมอในความคิดของชาวจีน ไม่ว่าจะเป็นการจัดอันดับโดยองค์กรหรือหน่วยงานใดก็ตาม เพียงแต่ช่วงที่ผ่านมาชาวจีนอาจจะมีปัญหาเรื่องการเงินเพราะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนเองยังไม่ฟื้นตัว แต่ค่อย ๆ ดีขึ้นต่อเนื่อง