‘คนละครึ่งพลัส’ จะฟื้นตลาดร้านอาหารได้แค่ไหนในสายตา ‘สมาคมภัตตาคารไทย’ – ‘LINE MAN’ หลังชะลอตัวตั้งแต่หมดสงกรานต์

นับตั้งแต่ที่ คนละครึ่งพลัส เริ่มใช้ได้ตั้งแต่ 29 ต.ค. จนถึงวันที่ 4 พ.ย. เวลา 12.00 น. มียอดการใช้จ่ายสะสมทั้งโครงการพุ่งสูงถึง 14,062 ล้านบาท มีผู้ใช้สิทธิ์แล้วกว่า 18 ล้านคน คิดเป็นกว่า 90% ของจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์ แสดงให้เห็นเลยว่าโครงการคนละครึ่งพลัสปลุกกระแสการจับจ่าย อย่างไรก็ตาม หากเจาะไปที่ตลาดร้านอาหารที่วิกฤตมาทั้งปี คนละครึ่งพลัสเข้ามาช่วยได้มากน้อยแค่ไหนในสายตาผู้ประกอบการ

ทุกเสียงยัน คนละครึ่งช่วยได้จริง

ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai เปิดเผยว่า ย้อนไปในโครงการคนละครึ่งบน LINE MAN รอบก่อนหน้ามีร้านกว่า 100,000 ร้าน เข้าร่วมบนระบบเดลิเวอรี โดยร้านที่รับคนละครึ่งยอดขายมีการเติบโตเฉลี่ย 1-5 เท่า บางร้านเติบโตสูงสุดถึง 16 เท่า แสดงให้เห็นว่าโครงการคนละครึ่ง ช่วยกระตุ้นได้จริง

ด้าน เจ้เอ๋ ณัฐฐารินทร์ เจ้าหนี้คนดัง ตัวแทนประชาชนผู้ใช้คนละครึ่ง ชี้ให้เห็นว่า คนละครึ่งพลัสเป็นโครงการที่ทั้งประชาชนและร้านค้ารายย่อยเฝ้ารอ เพราะมันทำให้ผู้บริโภค ใช้จ่ายง่ายขึ้น และช่วยให้ร้านที่ผู้บริโภคยังไม่เคยใช้บริการ กล้าเข้าไปลอง และมีโอกาสที่จะกลายเป็นลูกค้าประจำของร้าน หากโครงการหมดไปแล้ว

เช่นเดียวกับ คุณาพงศ์ เตชวรประเสริฐ เจ้าของเพจขายดีไปด้วยกัน ที่มองว่า โครงการนี้ช่วยเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้าได้จริง เพราะลูกค้าตัดสินใจมาลองได้ง่ายขึ้น ขณะที่ ธนันท์รัท เกื้อหนุน เจ้าของร้านตำยำยั่ว by โบตั๋น เสริมว่า โครงการคนละครึ่ง ทำให้ร้านเล็กมีศักยภาพสู้กับร้านใหญ่ได้ดีขึ้น

ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai

อาจดันตลาดร้านอาหารทะลุ 7 แสนล้าน

ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เล่าว่า นับตั้งแต่ช่วงหลังเทศกาล สงกรานต์ ตลาดร้านอาหารก็ ซบเซาลง ดังนั้น เชื่อว่าคนละครึ่งพลัสเป็นเหมือน สเตียรอยด์ ที่ฉีดแล้วเศรษฐกิจฐานรากจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในช่วง 2 เดือนนี้ และมีโอกาสที่ยอดขายรวมของร้านอาหารในปีนี้จะทะลุ 7 แสนล้านบาท จากที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 6-6.4 แสนล้านบาท

“รัฐบาลสนับสนุนเงิน 44,000 ล้านบาท รวมกับเม็ดเงินที่ผู้บริโภคจะใส่ลงไปอีกครึ่งหนึ่ง ก็คิดเป็นเกือบแสนล้าน    ยังไม่รวมโครงการกินดีมีคืน ดังนั้น ร้านอาหารก็ต้องแย่งชิงกัน”

อย่างไรก็ตาม ถ้าถามว่าคนละครึ่งจะช่วย โคเวอร์ยอดขายที่หายไป ในช่วงที่ผ่านมาได้หรือไม่ ทาง สุทธิพล สมวสุนธรา เลขาธิการสมาคมภัตตาคารไทย และทายาทรุ่น 3 ข้าวต้มเทเวศร์ เสริมว่า ตอบยาก เพราะแต่ละร้านยอดขายหายไปไม่เท่ากัน บางร้านยอดขายหดตัวตั้งแต่ 30-70% ขึ้นอยู่กับทำเล แต่มองว่าคนละครึ่งจะช่วยร้าน Micro SME มากกว่า

“หลังสงกรานต์มันเป็นช่วงโลว์ซีซัน บวกกับนักท่องเที่ยวหาย กำลังซื้อคนไทยก็หาย ดังนั้น คนละครึ่งมันควรมาไวกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่มาช่วงนี้ก็ถือเป็นช่วงไฮซีซันพอดี”

ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย

Micro SME ได้ประโยชน์ แต่ไซส์ S น่าห่วง

ฐนิวรรณ อธิบายต่อว่า โครงการคนละครึ่งกลุ่มร้านอาหารที่ได้ประโยชน์ที่สุดคือ ร้าน Micro SME ที่มีจำนวนกว่า 6 แสนร้าน แต่อยากให้รัฐบาลขยายการเข้าร่วมของร้านที่มีรายได้ 1.8 ล้านบาทขึ้นไป หรือ SME ไซส์ S เพราะตอนนี้ต้นทุนร้านอาหารสูงขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นภาษีป้าย ประกันสังคมที่เจ้าของต้องทำให้ลูกจ้าง และค่าวัตถุดิบ

“ร้านอาหารร้านเล็ก เปิดง่าย ปิดง่าย บางร้านที่เคยปิดไป อาจจะกลับมาเปิดช่วงโครงการคนละครึ่งก็ได้ แต่ที่มีปัญหาคือ ร้านที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ร้านที่ต้องจ่ายค่าที่ ค่าจ้างพนักงาน เพราะร้านแบบนี้ไปแล้วไปเลย ดังนั้น อยากให้รัฐบาลขยายให้ร้านที่มีรายได้ 1.8 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 3 ล้านเข้าร่วมคนละครึ่งเฟส 2”

สุทธิพล เสริมว่า ร้านที่ต้องเสีย Vat แม้จะได้เข้าโครงการ เที่ยวดีมีคืน ก็จริง และเหมือนจะได้ประโยชน์มากกว่า แต่โครงการคนละครึ่งกระตุ้นได้เร็วกว่า

คุณาพงศ์ เตชวรประเสริฐ เจ้าของเพจขายดีไปด้วยกัน

แนะร้านรีสกิล-อัพสกิล

ฐนิวรรณ ทิ้งท้ายว่า ตอนนี้การแข่งขันของร้านอาหารในไทยสูงขึ้นมาก เพราะไม่ได้มาจากแค่ผู้ประกอบการไทย  แต่ยังมีผู้ประกอบการต่างชาติที่เข้ามา อยากให้กระทรวงเกษตรและกระทรวงพาณิชย์ ช่วย เชื่อมโยงร้านอาหารกับเกษตรกร เพื่อลดคนกลางเพื่อจะลดต้นทุนวัตถุดิบ ลดต้นทุนขนส่ง เพื่อให้ร้านอาหารสามารถเติบโตได้ในระยะยาว ส่วนเกษตรกรก็สามารถขายสินค้าในราคาดีสูงขึ้น

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการควรจะต้องอัพสกิล-รีสกิล เช่น ใช้ Food Delivery เพื่อเพิ่มช่องทางการขายใหม่ ๆ  โดยทาง ยอด ชินสุภัคกุล เสริมว่า LINE MAN มีการจัดกิจกรรมร่วมกับ Depa เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย และการใช้เทคโนโลยีอย่างซอฟต์แวร์จัดการร้าน หรือ POS เพื่อเพิ่มโอกาสให้ร้านค้าสามารถขอเงินทุนได้

ธนันท์รัท เกื้อหนุน เจ้าของร้านตำยำยั่ว by โบตั๋น

สุดท้าย ฐนิวรรณ ย้ำว่า อยากให้ร้านค้ารายย่อยเข้าคนละครึ่ง อย่ากลัวเรื่องภาษี เพราะถึงแม้ว่ารัฐบาลจะเน้นย้ำว่าจะไม่เก็บภาษีกับร้านที่เข้าโครงการคนละครึ่ง แต่สุดท้ายภายในปี 2570 ทุกคนต้องยื่นภาษี หนีไม่รอดอยู่แล้ว ดังนั้น การเสียภาษีไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพราะการอยู่ในระบบภาษีช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและต่อยอดสู่การขยายกิจการได้ในอนาคต