นครพนม เคยเป็นเมืองที่นักเดินทางแวะเพียงชั่วครู่ เหมือนเรือล่องผ่านโค้งโขง ก่อนจะหายลับไปตามสายน้ำ แต่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เมืองเล็กริมฝั่งโขงกลับกลายเป็นจุดสว่างบนแผนที่เศรษฐกิจอีสาน อะไร ทำให้เมืองรองอย่างนครพนมไม่ใช่แค่ทางผ่านอีกต่อไป คำตอบทั้งหมดอยู่ในงานเสวนา “นครพนม Next Chapter พลิกเศรษฐกิจท้องถิ่นด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัล”
COVID-19 จุดเปลี่ยนสำคัญ
ในอดีต จังหวัดริมขอบสุดประเทศไทยมักจะไม่ได้เป็นที่นิยมนักในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย ทำให้ นครพนม เป็นเมืองรองที่มักถูกมองข้าม จนเมื่อในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เกิดการระบาดของ COVID-19 หลายคนเริ่มมองหา ที่พึ่งทางใจ ทำให้นครพนมจึงกลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์ก ท่องเที่ยวสายมู เพราะไม่ได้มีเพียงพระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังมีพระธาตุประจำวันเกิดต่าง ๆ รวมถึงพญาศรีสัตตนาคราช และถ้ำนาคีนาคา ให้ได้มาสักการะบูชา
นอกจากนี้ นครพนมยังมีจุดแข็งเรื่องภูมิทัศน์ริมแม่น้ำโขงที่งดงามยาวกว่า 100 กิโลเมตร รวมถึงวัฒนธรรม เช่น ประเพณีไหลเรือไฟนครพนม ซึ่งเป็นประเพณีสำคัญที่จัดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษา นอกจากนี้ ทางนครพนมเริ่มมีแลนด์มาร์กใหม่ ๆ ล่าสุดคือ ชิงช้าสวรรค์ Mekong River Eye’ สูง 50 เมตร ที่จะเปิดให้บริการภายในปีนี้
“เมื่อก่อนนครพนมไม่ค่อยมีคนมาพัก เพราะจะไปจังหวัดข้างเคียงอย่างมุกดาหาร แต่หลังจากที่เริ่มมีแลนด์มาร์กอย่างพญาศรีสัตตนาคราช ทำให้คนมานอนที่นครพนมมากขึ้น ทำให้กระแสทางธุรกิจในชข่วง 5 ปีมานี้ ยิ่งช่วงเทศกาลที่พักแทบไม่พอรับนอกท่องเที่ยว” ชนนท์ กุลตั้งวัฒนา ประธาน YEC นครพนม กล่าว
ศก. ก็เด่นไม่แพ้ท่องเที่ยว
นครพนมถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจและการค้าชายแดนสูงมาก ด้วยที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นประตูการค้าสำคัญเชื่อมไทยกับ สปป.ลาว เวียดนาม และจีนตอนใต้ ผ่านสะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 3 จึงกลายเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งและส่งออกผลไม้ไทยไปจีน รวมถึงสินค้าทางการเกษตรและสินค้าแปรรูปอื่น ๆ
ปัจจุบัน มูลค่าการค้าชายแดนของนครพนมสูงกว่า 120,000 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยในอนาคตเมื่อโครงการรถไฟทางคู่สายบ้านไผ่–นครพนมแล้วเสร็จในปี 2571 จะยิ่งเสริมศักยภาพด้านโลจิสติกส์ของจังหวัดให้แข็งแกร่งมากขึ้น ทั้งในด้านต้นทุนและเวลาในการขนส่งสินค้า
คนรุ่นใหม่กลับมาทำงานที่บ้านเกิด
นอกจากนี้ ในช่วงที่ COVID-19 ระบาด ชาวนครพนมที่ออกไป ทำงานในต่างถิ่น ก็กลับมาอยู่บ้าน และเลือกจะปักหลักทำงานที่บ้านเกิด ส่งผลให้เห็นการ เพิ่มมูลค่าสินค้าและเศรษฐกิจของจังหวัด จากความสร้างสรรค์ของ คนรุ่นใหม่
โดย วิศรุต สร้อยคำ เจ้าของร้าน Chewa Cafe By SK Sroikham เล่าว่า ผู้ประกอบการท้องถิ่นของนครพนมมีบทบาทสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและเศรษฐกิจของจังหวัด ด้วยการนำ ของดีท้องถิ่น มาต่อยอดให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มากขึ้น ตัวอย่างเช่นตนได้นำ กาละแม ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของนครพนม มาครีเอตเป็นเมนูเครื่องดื่มอย่างสมูทตี้ กาแฟ และไอศกรีมกาละแม ที่ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ใหม่ ๆ จนกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวกลับไปซื้อต้นตำรับกาละแมเป็นของฝาก เกิดการหมุนเวียนรายได้กลับคืนสู่ชุมชน
ศก. ดิจิทัลสูงกว่าค่าเฉลี่ยอีสาน
ข้อมูลจาก LINE MAN Wongnai ชี้ว่าจังหวัดนี้คือ High Growth City ตัวจริง
- GMV โต 16% (เฉลี่ยอีสาน 14%)
- จำนวนออเดอร์โต 12% (เฉลี่ยอีสาน 10%)
- จำนวนผู้ใช้โต 11% (เฉลี่ยอีสาน 5%)
โดย อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ รองประธานฝ่ายนโยบายสาธารณะและรัฐกิจสัมพันธ์ LINE MAN Wongnai เล่าว่า การมาของเดลิเวอรี่ไม่ได้แค่มาเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ใหม่ แต่ยังเพิ่มอาชีพ ไรเดอร์ โดยในภาคอีสานมีรายได้เฉลี่ยประมาณ 480 บาทต่อวัน และบางพื้นที่สูงสุดถึง 3,500 บาทต่อวัน ซึ่งถือเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับคนในพื้นที่
แน่นอนว่าการมาของดิจิทัล ยิ่งช่วยให้ ผู้ประกอบการรายย่อยแข่งกับรายใหญ่ได้อย่างเท่าเทียม แต่ก็ต้องยอมรับว่าการแข่งขันของร้านคาเฟ่และอาหารในจังหวัดนครพนมสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดย วิศรุต เสริมว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จำนวนร้านคาเฟ่ในจังหวัดเพิ่มขึ้นจากหลัก 15-20 ร้าน เป็นกว่าร้อยร้าน ดังนั้น จึงไม่ได้วัดกันแค่คุณภาพ แต่ต้องแข่งเรื่อง Story Telling
อีเวนต์ย่อย จุดสำคัญโตอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม ชนนท์ มองว่า การกระจายนักท่องเที่ยวให้มาเยือนตลอดทั้งปี ผ่านการสร้างอีเวนต์ย่อยหรือกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมในแต่ละช่วง ถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้จังหวัดนครพนมเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการชูเรื่อง การพักผ่อนเชิงคุณภาพ
เพราะที่ผ่านมาภาพรวมการท่องเที่ยวของนครพนมมักจะ กระจุกตัวอยู่เฉพาะช่วงเทศกาลใหญ่ ๆ เช่น งานไหลเรือไฟ หรือช่วงวันหยุดยาว ซึ่งแม้จะสร้างรายได้จำนวนมาก แต่ก็มาพร้อมกับปัญหาความแออัดและการบริหารจัดการที่ยากลำบาก ส่งผลต่อประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวและความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว
“ที่ผ่านมา นครพนมเริ่มมีการจัดอีเวนต์ย่อย ๆ โดยโปรโมตจุดขายนครพนมในมุมที่แตกต่าง เช่น ความสงบ วิถีชีวิตเรียบง่ายและเสน่ห์ของวัฒนธรรมท้องถิ่น อย่างงานเทศกาลริมโขง กิจกรรมวิ่งมาราธอน งานศิลปะร่วมสมัย เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนเชิงคุณภาพมากกว่าการท่องเที่ยวแบบเร่งรีบในช่วงเทศกาล”
Next Chapter นครพนม
ท่ามกลางสังคมไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคผู้สูงวัย นครพนมเริ่มถูกจับตาในฐานะเมืองที่มี DNA เหมาะสมสำหรับการพัฒนาพื้นที่อยู่อาศัยหลังเกษียณ
- เมืองสงบ ปลอดมลพิษ
- ค่าครองชีพเข้าถึงได้
- วิวริมโขงที่ช่วยชาร์จพลังได้ทุกเช้า
- มีโรงพยาบาลและบริการสุขภาพที่กำลังขยายตัว
- ผู้คนเป็นมิตร ธรรมเนียมวัฒนธรรมอบอุ่น
การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) และธุรกิจที่เน้นการพักผ่อนเชิงคุณภาพกำลังเติบโตมากขึ้น ทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชนมาองว่า นครพนมมีศักยภาพถูกพัฒนาเป็นเมืองที่ตอบโจทย์การ พักผ่อนระยะยาว ทั้งในมิติสุขภาพ วิถีชีวิต และภูมิทัศน์ นอกจากนี้ ธุรกิจการจัดประชุมและนิทรรศการ (MICE) ก็เป็นอีกโอกาสที่จะช่วยขยายฐานนักท่องเที่ยวกลุ่มองค์กรและภาครัฐ
“นครพนมมีจุดแข็งด้านภูมิศาสตร์ที่โดดเด่น โดยเฉพาะทิวทัศน์ริมฝั่งโขงที่สามารถมองเห็นภูเขาฝั่ง สปป.ลาวได้อย่างสวยงาม ถือเป็นวิวที่สร้างรายได้ โดยไม่ต้องลงทุน เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใคร” ว่าที่ร้อยตรี รวยรุ่ง ใครบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้จะมองเห็นโอกาสมากมาย แต่ใช่ว่านครพนมจะไม่มีข้อจำกัด โดยเฉพาะเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกและสถานที่รองรับการจัดงานขนาดใหญ่ที่ยังขาดแคลน ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญที่ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมกันผลักดันในระยะต่อไป เพื่อให้จังหวัดสามารถก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวและการจัดงานระดับภูมิภาคได้อย่างสมบูรณ์ในอนาคต








