นักวิจัยไทยเจ๋งใช้ “หญ้าแฝก” ผลิตกระถางเซรามิกน้ำหนักเบา

ผลิตภัณฑ์เซรามิกได้รับการพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์หลากหลาย รวมถึงการทำเป็นกระถางต้นไม้แทนการใช้กระถางดินเผาเนื่องจากอุ้มน้ำได้ดีกว่า และมีน้ำหนักเบากว่า แต่กระถางจากเซรามิกก็ยังมีน้ำหนักที่ค่อนข้างมากอยู่ ซึ่งการแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนไปใช้ กระถางพลาสติก ก็มีต้นทุนที่สูงอาจเจอปัญหา “รากเน่า” เนื่องจากอากาศและน้ำไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ หรือหากแก้ด้วยการทำรูให้น้ำออก ก็จะต้องรดน้ำบ่อยยิ่งขึ้นเนื่องจากดินจะสูญเสียความชื้นไปอย่างรวดเร็ว อันเป็นการสร้างภาระในการดูแลเป็นอย่างมาก ขณะที่ กระถางเซรามิกบางชนิดจะมีน้ำหนักเบา และน้ำซึมผ่านได้ดี แต่ยังมีราคาที่สูงกว่า เนื่องจากต้องนำเข้าวัตถุดิบสำคัญในการผลิตจากต่างประเทศ

แต่วันนี้ นักวิจัยไทย สามารถพัฒนาสูตรผลิต “เซรามิกน้ำหนักเบา” ขึ้นมาเองได้สำเร็จ ซึ่งดร.วรุณี ถิรมงคล กรมวิทยาศาสตร์บริการ ผู้ประสานงานโครงการวิจัย”การศึกษาวิจัยผลิตผลิตภัณฑ์เซรามิกน้ำหนักเบาเพื่อใช้ในการตกแต่งปลูกกล้วยไม้และไม้ดอกไม้ประดับ“ โดยการสนับสนุนจาก สกว.(สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย) กล่าวถึงสูตรการผลิตเซรามิกน้ำหนักเบาที่ค้นพบนี้ว่า เซรามิกที่ผลิตได้นี้จะมีน้ำหนักที่น้อยกว่าเซรามิกทั่วไปถึง 20 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้วัตถุดิบทั้งหมดในประเทศ

“กระถางเซรามิกน้ำหนักเบา” แตกต่างจากกระถางดินเผาทั่วไปในเรื่องของส่วนผสมและขั้นตอนการผลิต โดยกระถางทั่วไปจะใช้ดินเป็นส่วนผสมเพียงอย่างเดียว ในขณะที่เซรามิกน้ำหนักเบาจะเกิดจากการวิจัยเนื้อดินชนิดใหม่ซึ่งประกอบด้วยดินเหนียว 10 ส่วนและผงหญ้าแฝกแห้ง 1 ส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกันนำไปขึ้นรูปกระถางแล้วเผาที่อุณหภูมิ 1,230 องศาเซลเซียส เพื่อให้ได้กระถางเซรามิกน้ำหนักเบาที่มีรูพรุนน้ำหนักเบากว่ากระถางดินเผาธรรมดาถึง 20 เปอร์เซ็นต์เพราะหญ้าแฝกได้สลายตัวไปในขณะเผา ซึ่งจากการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ทำให้ต้นทุนการผลิตไม่ต่างจากกระถางเซรามิกทั่วไป”

จากข้อดีของกระถางเซรามิกน้ำหนักเบาจึงมีรูพรุนสามารถอุ้มน้ำได้ดี อากาศถ่ายเทได้สะดวก ทำให้เหมาะกับการนำไปเพาะเลี้ยงกล้วยไม้ได้ดีรวมถึงการปลูกพืชชนิดต่างๆมากกว่าการปลูกในกระถางพลาสติกหรือกระถางดินเผาธรรมดา ซึ่ง ดร.วรุณี กล่าวว่า งานวิจัยเซรามิกน้ำหนักเบานี้จะมุ่งเน้นการนำไปใช้เพื่อการเกษตรเป็นหลัก รูปแบบของผลิตภัณฑ์จึงออกมาในรูปแบบของกระถางเซรามิกไม่เคลือบและกระถางเซรามิกเคลือบ โดยมีขนาดตั้งแต่ 4-8 นิ้ว

“สำหรับเกษตรกรที่ต้องการใช้กระถางเพื่อการปลูกก็อาจเลี้ยงในกระถางแบบไม่เคลือบที่มีรูพรุน สามารถซึมซับและความชื้นได้ดี ขณะที่เซรามิกเคลือบจะเหมาะกับไม้ประดับที่สามารถนำไปประดับบ้านได้ เนื่องจากกระถางแบบเคลือบที่อยู่ด้านนอกจะทำให้ไม่ต้องรดน้ำบ่อย อีกทั้งยังมีสีสันสวยงาม นำไปใช้เป็นเครื่องตกแต่งบ้านได้อีกด้วย “

นอกเหนือจากผลิตกระถางต้นไม้แล้ว เทคโนโลยีในการผลิตเซรามิกน้ำหนักเบายังสามารถนำไปทำเป็น “ท่อนเซรามิกน้ำหนักเบา” สำหรับปลูกกล้วยไม้หรือต้นไม้ชนิดอื่นๆ ซึ่งจะมีความทนทานมากกว่าการปลูกกล้วยไม้บนท่อนไม้ เพราะท่อนไม้จะผุพังภายใน 2-3 ปี แต่ท่อนเซรามิกน้ำหนักเบาอยู่ได้นานเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งจะทำให้ชาวสวนซึ่งปลูกไม้ดอกไม้ประดับจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ใช้ในการปลูกพืช ที่คุ้มค่ากว่าการใช้ไม้ และถูกกว่าวัสดุปลูกน้ำหนักเบาที่นำเข้าจากต่างประเทศ อันเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะกับตลาดต่างประเทศได้เป็นอย่างดี

ดร.วรุณี กล่าวว่า ด้านราคาของผลิตภัณฑ์จากเซรามิกน้ำหนักเบานั้นก็ใกล้เคียงกันกับดินเผาหรือเซรามิกทั่วไป ซึ่งจะและเป็นความน่าภาคภูมิใจว่า เซรามิกเบาชนิดนี้เป็นชนิดใหม่ที่ยังไม่มีประเทศใดสามารถผลิตได้ ดังนั้นโอกาสขยายตลาดในต่างประเทศยังมีอีกมาก ซึ่งขณะนี้ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีดังกล่าวให้กับผู้ประกอบการเพื่อนำไปขยายสู่ภาคการผลิตต่อไปแล้ว