-
พาสำรวจ Selfridges ห้างสรรพสินค้าสุดหรู ตำนานกว่า 116 ปี แห่งสหราชอาณาจักร ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ห้างสรรพสินค้าที่ดีที่สุดในโลก” ถึง 4 ครั้งจากเวที Global Department Store Summit
-
ฟินไปกับโลกแห่งเทพนิยายกับ Disney เนรมิตทั้งห้างฯ เพื่อมอบความสุขในช่วงคริสมาสต์
-
ห้างสรรพสินค้าที่มอบประสบการณ์มากกว่าการช้อปปิ้ง แต่เป็นการเติมเต็มการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น
ยุคสมัยนี้การที่ได้ออกเดินทางเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆ ล้วนเป็นการมอบรางวัลให้กับตัวเองหลังจากที่ทำงานหนักมาทั้งปี การได้ออกท่องโลกไปยังดินแดนใหม่ๆ หรือทวีปใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยไป เป็นการสร้างความทรงจำที่สุดประทับใจไม่น้อย
ในครั้งนี้หมุดหมายสำคัญของเราคือประเทศ “อังกฤษ” โดย กลุ่มเซ็นทรัล ผู้นำธุรกิจค้าปลีกและบริการทั้งในไทยและต่างประเทศ ได้ร่วมมือกับ เตอร์กิช แอร์ไลน์ส สายการบินแห่งชาติของประเทศตุรกี จัดทริปสุดเอ็กซ์คลูกซีฟนำคณะสื่อมวลชนเยือนห้าง Selfridges ในสหราชอาณาจักร
เปิดเส้นทางบริหารห้างหรูในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัล
“กลุ่มเซ็นทรัล ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของกลุ่มรีเทลระดับโลก” ซึ่งคำนี้ไม่เกินจริงโดยประการใด เพราะนอกจากจะมีธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศไทยแล้ว ยังสยายปีกไปยังยุโรปดินแดนที่ขึ้นชื่อว่ามีประวัติรีเทลอันยาวนาน และมีคาแรคเตอร์แต่ละประเทศที่ชัดเจน มีความเป็นชาตินิยมสูง
ปี 2554 กลุ่มเซ็นทรัลเริ่มต้นการขยายธุรกิจสู่ยุโรปอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการเข้าซื้อกิจการห้างสรรพสินค้าหรูอันดับหนึ่งของอิตาลี “รีนาเชนเต” ที่มีทั้งหมด 9 สาขาในเมืองสำคัญทั่วประเทศ
ปี 2556 เข้าซื้อกิจการห้างสรรพสินค้า “อิลลุม” ห้างลักชัวรี่ชื่อดังใจกลางกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เสริมความแข็งแกร่งในพอร์ตโฟลิโอห้างหรูของกลุ่มเซ็นทรัล
ปี 2558 ร่วมทุนเข้าซื้อกิจการ กลุ่มคาเดเว ห้างสรรพสินค้าพรีเมียมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานในเยอรมนี ได้แก่ คาเดเว (เบอร์ลิน), โอเบอร์โพลลิงเกอร์ (มิวนิก) และอัลสแตร์เฮ้าส์ (ฮัมบูร์ก) ขยายบทบาทในตลาดค้าปลีกระดับไฮเอนด์
ปี 2563 เข้าซื้อ โกลบุส ห้างสรรพสินค้าหรูระดับตำนานของสวิตเซอร์แลนด์ รวม 9 สาขาในทำเลสำคัญ ต่อยอดพอร์ตโฟลิโอค้าปลีกพรีเมียม และส่งมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งระดับโลกให้แก่ทั้งชาวท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ปี 2565 สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในวงการค้าปลีกยุโรป ด้วยการร่วมทุนเข้าซื้อกิจการกลุ่มเซลฟริดเจส ซึ่งประกอบด้วยห้างสรรพสินค้า 18 แห่ง จาก 4 แบรนด์ ใน 3 ประเทศ ได้แก่ เซลฟริดเจส (Selfridges) ในสหราชอาณาจักร, บราวน์ โทมัส และอาร์นอตส์ (Brown Thomas & Arnotts) ในไอร์แลนด์, และดี แบนคอร์ฟ (de Bijenkorf) ในเนเธอร์แลนด์ รวมถึงธุรกิจด้านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทั้งหมด
ปี 2567 ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งสำคัญ ด้วยการรวมกิจการ กลุ่มเซลฟริดเจส กลุ่มคาเดเว และโกลบุส ไว้ภายใต้การบริหารของกลุ่มเซ็นทรัลอย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้กลุ่มเซ็นทรัลเป็นเจ้าของเครือข่ายห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป สร้างความภาคภูมิใจให้แก่คนไทย ในฐานะบริษัทของคนไทยในเวทีค้าปลีกโลก
ทำให้ปัจจุบันพอร์ตโฟลิโอห้างลักชัวรี่ของกลุ่มเซ็นทรัล ครอบคลุม 7 ประเทศ 36 เมือง 40 สาขาทั่วโลก ประกอบด้วย เซลฟริดเจส (สหราชอาณาจักร), บราวน์ โทมัส และอาร์นอตส์ (ไอร์แลนด์), ดี แบนคอร์ฟ (เนเธอร์แลนด์), กลุ่มคาเดเว (เยอรมนี – คาเดเว กรุงเบอร์ลิน, โอเบอร์โพลลิงเกอร์ มิวนิก, อัลสแตร์เฮ้าส์ ฮัมบูร์ก), โกลบุส (สวิตเซอร์แลนด์), อิลลุม (เดนมาร์ก) และรีนาเชนเต (อิตาลี)
Selfridges มากกว่าห้างฯ แต่คือโรงละครแห่งประสบการณ์
ห้างสรรพสินค้าเซลฟริดเจสก่อตั้งขึ้นในปี 1909 โดย แฮร์รี กอร์ดอน เซลฟริดจ์ (Harry Gordon Selfridge) นักธุรกิจผู้พลิกนิยามวงการค้าปลีก ด้วยการเปลี่ยนห้างให้กลายเป็น “โรงละครแห่งประสบการณ์” และวางสิ่งนี้ไว้เป็นหัวใจของแบรนด์ แนวคิดอันล้ำยุคนี้ได้เปลี่ยนพื้นที่แห่งการช็อปปิงให้กลายเป็นเวทีแห่งจินตนาการและแรงบันดาลใจ ที่หลอมรวมศิลปะ แฟชั่น และวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกัน จิตวิญญาณดังกล่าวยังสืบเนื่องมาจนวันนี้ผ่านการสร้างสรรค์ที่ไม่หยุดนิ่ง และมุ่งมั่นในการยกระดับวัฒนธรรมผ่านประสบการณ์ของลูกค้าอย่างเหนือความคาดหมาย
ทำให้ Selfridges ถูกจดจำในฐานะจุดหมายปลายทางที่ควรไปสัมผัสสักครั้ง ด้วยประวัติศาสตร์กว่า 116 ปี ที่ผสานความหรูหรา ความคิดสร้างสรรค์ และจิตวิญญาณแฟชั่นร่วมสมัย เซลฟริดเจสได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของกรุงลอนดอน และเป็นห้างเพียงแห่งเดียวที่ได้รับการยกย่องให้เป็น “ห้างสรรพสินค้าที่ดีที่สุดในโลก” ถึง 4 ครั้งจากเวที Global Department Store Summit
ชูธีม Disney เนรมิตทุกตารางเมตรเหมือนอยู่ในเทพนิยาย
ในปีนี้ไฮไลท์พิเศษอยู่ที่การร่วมมือกับ Disney ที่สร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ในการเดินห้างฯ ให้เหมือนกับอยู่ในเทพนิยาย เหมือนหลุดไปอยู่ในการ์ตูนของ Disney ยังไงอย่างนั้น
โดยที่โปรเจคต์นี้ ทาง Selfridges กับ Disney ได้ร่วมกันวางแผนกันเป็นเวลาถึง 2 ปี ในการเนรมิตทุกสาขาให้เหมือนอยู่ใน Disneyland เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ที่จะถึงนี้
เรียกว่าเป็นครั้งแรกของวงการรีเทลที่ Disney มีการร่วมมือเยอะขนาดนี้ ทั้งการตกแต่งภายนอกและภายในห้างฯ สินค้าที่ขายในธีมปาร์คก็มีจำหน่ายที่นี่ ภาพยนตร์ดิสนีย์ก็มีฉายที่โรงภาพยนตร์ รวมไปถึงทำสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟที่ขายเฉพาะที่ Selfridges อีกด้วย เช่น หมีพูห์สีเหลือง เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ทาง Disney ให้คาแรคเตอร์ของตัวเองเปลี่ยนสีจากต้นฉบับ เนื่องจากต้องการสร้างกิมมิค เพราะสีเหลืองเป็นสีประจำ Selfridges มีไอคอนิกสำคัญคือ ถุงกระดาษสีเหลือง
โลกมหัศจรรย์ของ Disney ภายในห้างฯ Selfridges เต็มไปด้วยประสบการณ์สุดตระการตาแอนิเมชันที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ อินเทอร์แอคทีฟวินโดว์ดิสเพลย์ที่มีชีวิตชีวา ตกแต่งเพื่อต้นรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกทั้ง 4 สาขา
แต่ที่ไฮไลท์สุดๆ อยู่ที่ Selfridges สาขาอ็อกซ์ฟอร์ด สตรีท ถูกเนรมิตใหม่อย่างอลังการด้วยฟาซาดและไลท์โชว์ที่ออกแบบเป็นพิเศษ โดยมีปราสาทดิสนีย์ที่สวยงามดั่งเทพนิยาย โดยได้แรงบันดาลใจจาก ปราสาทเจ้าหญิงนิทราใน Disneyland Paris พร้อมวินโดว์ดิสเพลย์ที่หยิบเอาเรื่องราวหลากหลายนิทานคลาสสิกของดิสนีย์มาถ่ายทอดผ่านงานศิลป์ที่วาดด้วยมืออย่างประณีต บางฉากยังมีดนตรีประกอบเพื่อเติมเต็มความรู้สึกแห่งเทศกาลให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
ซึ่งปกติแล้ววินโดว์ดิสเพลย์ของห้างฯ จะเป็นจุดที่วางแบรนด์สินค้าต่างๆ หรือสินค้าคอลเล็กชั่นใหม่ๆ แต่ Selfridges จัดวินโดว์ดิสเพลย์ตามเรื่องราวต่างๆ ของ Disney ไม่ว่าจะเป็น ซินเดอเรลล่า, สโนว์ไวท์, พินอคคิโอ, วินนี่ เดอะ พูห์ และปีเตอร์แพน
ยิ่งถ้าหากมาในช่วงเย็นตั้งแต่ 17.00 เป็นต้นไป จนถึง 21.00 น. บริเวณหน้าห้างฯ จะมีแสดงไฟ จัดเต็มด้วยแสง สี เสียง จะมีการแสดงทุกๆ 15 นาที
ส่วนการช้อปปิ้งนั้นก็ไม่น้อยหน้า เพราะมีคอลเลกชันพิเศษที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Disney และแบรนด์ ชื่อดังระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Christian Louboutin, Coach, Jo Malone หรือ Bobbi Brown รวมแล้วมีแบรนด์กว่า 70 แบรนด์ ที่ร่วมออกแบบในหลากหลายหมวดสินค้า ทั้งแฟชั่น ของขวัญ อาหาร ความงาม ไลฟ์สไตล์ ไปจนถึงของเล่น ให้ทุกคนได้เลือกสรรอย่างเพลิดเพลินในช่วงเวลาที่อบอุ่นที่สุดของปี
RESELFRIDGES จากห้างหรู สู่ผู้นำความยั่งยืน
Selfridges ไม่ได้แค่พูดถึงความยั่งยืน แต่ทำให้กลายเป็นจริงผ่านแนวคิด “Retail Activism” ที่ดำเนินต่อเนื่องมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการประกาศยกเลิกการจำหน่ายขนสัตว์ตั้งแต่ปี 2005 หรือการถอดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีพลาสติกกลิตเตอร์ออกจากทุกสาขาในปี 2021
ภายใต้แนวคิด RESELFRIDGES เราได้สร้างระบบนิเวศของการช็อปปิงที่ใส่ใจโลก รวบรวมผลิตภัณฑ์ บริการ และกิจกรรมเพื่อความยั่งยืนไว้ครบในที่เดียว พร้อมเปิดพื้นที่ RESELFRIDGES แบบถาวรในทุกสาขา รวมถึงบน Selfridges.com โดยนำแนวทาง “Circular Shopping” หรือการช็อปปิงแบบหมุนเวียน มาผสานเข้ากับประสบการณ์ในร้านอย่างกลมกลืน ผ่านบริการ ขายต่อ (Resell), ให้เช่าสินค้า (Rental), ซ่อมแซม (Repair), เติมสินค้า (Refill), และจำหน่ายสินค้ามือสองคุณภาพดี (Pre-loved) เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อโลกได้มากขึ้น
4 แลนด์มาร์ก 4 คาแรคเตอร์
Selfridges ในประเทศอังกฤษ มี 4 สาขาใน 3 เมืองหลัก ครอบคลุมพื้นที่ค้าปลีกกว่า 96,000 ตารางเมตร ได้แก่ ลอนดอน ออกซ์ฟอร์ด สตรีท, แมนเชสเตอร์ เอ็กซ์เชนจ์ สแควร์, แมนเชสเตอร์ แทรฟฟอร์ด และ เบอร์มิงแฮม พร้อมช่องทางออนไลน์ และแอปพลิเคชันที่จัดส่งสินค้าสู่กว่า 130 ประเทศ โดยแต่ละสาขาถ่ายทอดบุคลิกของเมืองและคาแรกเตอร์ของแบรนด์ในมิติที่แตกต่าง
- เซลฟริดเจส ออกซ์ฟอร์ด สตรีท ลอนดอน
จุดเริ่มต้นของตำนานแห่งห้างสรรพสินค้าเซลฟริดเจสซึ่งเปิดทำการตั้งแต่ ปี 1909 ครอบคลุมพื้นที่กว่า 54,951 ตารางเมตร ถือเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์และสัญลักษณ์แห่งความหรูหราของกรุงลอนดอน มอบประสบการณ์พิเศษได้ตั้งแต่ The Cinema at Selfridges โรงภาพยนตร์ลักชัวรีที่ผสมผสาน ความบันเทิงเข้ากับสไตล์อันหรูหรา, The Bowl ลานสเก็ตบอร์ดอินดอร์ที่เปิดโอกาสให้มาเล่นสนุก ท้าทาย หรือลงเรียนคลาสสเก็ตบอร์ดได้อีกด้วย, ไปจนถึง Jellycat Fish & Chips Experience ที่สร้างสรรค์บรรยากาศสุดน่ารักแบบอังกฤษแท้ ที่ผสมผสานความคิดสร้างสรรค์เข้ากับความน่ารักอย่างลงตัว
ในเดือน พฤษภาคม 2024 เซลฟริดเจส ออกซ์ฟอร์ด สตรีท ได้เผยโฉมใหม่ของโซน Beauty Hall หลังการรีโนเวตกว่า 1 ปี เพื่อเป็นจุดหมายแห่งความงามระดับโลกที่รวมสินค้าจาก 300 แบรนด์ชั้นนำ พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญกว่า 1,000 คน พร้อมเปิดพื้นที่สร้างสรรค์อย่าง The Beauty Spot ที่จุดประกายนวัตกรรมความงามแห่งอนาคต ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านความงามอย่างครบวงจร
ความตื่นตายังไม่สิ้นสุด ในเดือนสิงหาคม 2025 ได้มีการเปิดตัวโซน Jewellery Destination โฉมใหม่ ที่รวมคอลเลกชัน ร่วมสมัยจากทั้งแบรนด์ระดับโลกและดีไซเนอร์รุ่นใหม่ อาทิ Lie Studio, Misho, Lie Sundial และ Phoria พร้อมบริการเจาะและเชื่อมเครื่องประดับโดย Astrid & Miyu และบริการสลักชื่อย่อที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับคุณ โดย Monica Vinader
2. เซลฟริดเจส แมนเชสเตอร์ เอ็กซ์เชนจ์ สแควร์
เปิดให้บริการ ตั้งแต่ปี 2002 บนพื้นที่กว่า 10,641 ตารางเมตร กลายเป็นจุดหมายแห่งการช็อปปิงระดับลักชัวรีที่ผสานแฟชั่น ศิลปะ และไลฟ์สไตล์เข้าด้วยกันอย่างลงตัว สะท้อนเอกลักษณ์ของเมืองที่มีพลังสร้างสรรค์และความเป็นตัวของตัวเอง
สำหรับสายแฟชั่น ที่นี่คือสวรรค์แห่งการช็อปปิงที่รวมแบรนด์ระดับโลกไว้อย่างครบครัน พร้อมด้วยคอนเซ็ปต์ช็อปพิเศษของ Adanola แบรนด์แฟชั่นจากสหราชอาณาจักรที่ถือกำเนิดขึ้นในเมืองแมนเชสเตอร์เอง และในช่วงเทศกาลปลายปี โซน Christmas Shop บนชั้น 3 บรรยากาศจะงดงามเป็นพิเศษด้วยการตกแต่งอย่างตระการตา
สายบิวตี้จะหลงรักบริการจากทีม Beauty Concierge มืออาชีพของแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง อาทิ SUQQU, Hourglass, Pat McGrath Labs และ Victoria Beckham Beauty พร้อมคำแนะนำด้านความงามเฉพาะบุคคลแบบ one-on-one และหากต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น บริการ Personal Shopping Lounge ยังมีให้เลือกทั้งสองสาขาในแมนเชสเตอร์ โดยมีห้องรับรองส่วนตัวสองห้องที่เอ็กซ์เชนจ์ สแควร์ และอีกหนึ่งห้องใหญ่ที่แทรฟฟอร์ด เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ช็อปปิงที่หรูหราและเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง
3. ห้างเซลฟริดเจส สาขาแมนเชสเตอร์ ทราฟฟอร์ด
ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า The Trafford Centre เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1998 บนพื้นที่กว่า 14,152 ตารางเมตร สาขานี้โดดเด่นด้วยบรรยากาศที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับความอบอุ่นในสไตล์ครอบครัว
มื้ออร่อยรออยู่ทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นอาหารญี่ปุ่นสไตล์สตรีทจาก YO!, ชานมไข่มุกหลากรสชาติจาก Mooboo, หรือบาร์แชมเปญสุดหรูของ San Carlo สำหรับผู้ที่ชื่นชอบบรรยากาศพักผ่อนอย่างมีรสนิยม สำหรับครอบครัว อย่าพลาด Jellycat General Store ร้านสุดน่ารักที่รวบรวมคอลเลกชันตุ๊กตา Jellycat หลากหลายแบบ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในคอลเลกชันที่ใหญ่ที่สุดของแบรนด์ในสหราชอาณาจักร
4. ห้างเซลฟริดเจส สาขาเบอร์มิงแฮม
เปิดให้บริการในเดือนกันยายน ปี 2003 ภายในอาคารเดอะบูลริง (The Bullring) ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมืองเซลฟริดเจส เบอร์มิงแฮม ครอบคลุม พื้นที่กว่า 17,169 ตารางเมตร และโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมร่วมสมัยอันเป็นเอกลักษณ์ จนกลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของภูมิภาคมิดแลนด์ และเป็น “สนามเด็กเล่นแห่งแรงบันดาลใจ” สำหรับผู้รักศิลปะ แฟชั่น และวัฒนธรรม















