รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 1 กันยายน 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยในวันพุธที่ 1 กันยายน ปิดตลาดเพิ่มขึ้นไปอีก 4.22 จุด หรือร้อยละ 0.68 ไปปิดที่ 628.81 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยได้ปัจจัยบวกจากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในต่างประเทศ การที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง และ การกลับเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติ

– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 5 เดือน โดยได้ปิดที่ระดับ 13,023.87 จุด เพิ่มขึ้นไปถึง 173.59 จุด หรือร้อยละ 1.53 โดยได้รับแรงบวกจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นเทคทรอนิค และ เฉินกง อินฟราสตรัคเจอร์ จากข่าวการเข้าซื้อกิจการของบริษัทอื่น และ การเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จากการคาดการณ์ถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดเพิ่มขึ้นหลังจากที่ได้ลดลงเป็นเวลาสองวันติดต่อกัน โดยเพิ่มไป 45.56 จุด หรือร้อยละ 0.41 ไปปิดที่ระดับ 11,127.35 จุด โดยการที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นเมื่อวันก่อน ได้ทำให้นักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นหลายตัวที่ราคาลดลงไปในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

– ตลาดหุ้น Dow Jones ในวันอังคารที่ 31 สิงหาคม ปิดตลาดเพิ่มขึ้นไป 51.4 จุด หรือร้อยละ 0.51 โดยปิดที่ระดับ 10,173.92 จุด โดยได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน และ เวชภัณฑ์ ซึ่งได้มาช่วยชดเชยผลกระทบจากการประกาศตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค.ของสำนักงาน Conference Board ที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน ,เงินบาท และ เงินยูโร โดยอยู่ที่ระดับ 109.31 เยน/ดอลลาร์ฯ , 41.6 บาท/ดอลลาร์ฯ และที่ 1.2162 ดอลลาร์ฯ/ยูโร ตามลำดับ

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยในวันนี้ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอีก 4.22 จุด หรือร้อยละ 0.68 ไปปิดที่ 628.81 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นที่ 21,710 ล้านบาท ทั้งนี้ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในต่างประเทศ, การที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับลดลง และการที่นักลงทุนต่างชาติกลับเข้าซื้อหุ้น โดยหุ้นที่ปรับขึ้นอย่างมากในวันนี้ ได้แก่ หุ้นในกลุ่มพลังงาน,วัสดุก่อสร้าง, สื่อสาร และ ธนาคาร

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดเพิ่มขึ้นหลังจากที่ได้ลดลงไปเป็นเวลาสองวันติดต่อกัน โดยเพิ่มขึ้นไป 45.56 จุด หรือร้อยละ 0.41 ไปอยู่ที่ระดับ 11,127.35 จุด โดยตลาดได้แรงบวกจากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งทำให้นักลงทุนได้กลับเข้าซื้อหุ้นหลายตัวที่ราคาได้ลดลงไปในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะหุ้นที่มีมูลค่าทางตลาดสูง เช่น หุ้นบริดจ์สโตน และ หุ้นซอฟแบงก์ คอร์ป อย่างไรก็ตามความวิตกกังวลถึงผลกำไรที่อาจลดลงของบริษัทอินเทล คอร์ป ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันการซื้อขาย ทำให้ตลาดไม่ได้ปรับขึ้นไปมากนักในวันนี้

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 5 เดือน โดยเพิ่มขึ้นไป ถึง 173.59 จุด หรือร้อยละ 1.53 ไปปิดที่ระดับ 13,023.87 จุด ซึ่งเป็นการปิดที่ระดับเหนือ 13,000 จุด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน เม.ย. เป็นต้นมา ทั้งนี้ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากข่าวการเข้าไปซื้อกิจการบริษัทอื่น ของบริษัทเทคทรอนิค และ บริษัทเฉินกง อินฟราสตรัคเจอร์ ซึ่งทำให้ราคาหุ้นของบริษัททั้งสองปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนั้นหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน จากการคาดการณ์ที่ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจะส่งผลให้อุปสงค์สำหรับบ้านใหม่ ร้านค้า และสำนักงานต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นในวันอังคารที่ผ่านมา โดยได้เพิ่มขึ้นไป 51.4 จุด หรือ ร้อยละ 0. 51 ไปปิดที่ 10,173.92 จุด โดยปริมาณการซื้อขายที่ 1.1 พันล้านหุ้น โดยได้รับปัจจัยบวกจากการปรับขึ้นไปของราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน จากความคาดหวังว่าการลดลงของราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมาเป็นการบ่งบอกว่าราคากำลังมีเสถียรภาพมากขึ้น และ การเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มเวชภัณฑ์ โดยเฉพาะหุ้นไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งได้ช่วยชดเชยผลกระทบจากการประกาศตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค.ที่ลดลงไป

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลง โดยปิดที่ระดับ 1,838.1 จุด เพิ่มขึ้นไป 1.61 จุด หรือ ร้อยละ 0.09 การซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง โดยนักลงทุนยังคงระมัดระวังที่จะซื้อขายก่อนการประกาศตัวเลขการจ้างงานเดือน ส.ค.ในวันศุกร์นี้

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาท/เงินดอลลาร์สหรัฐฯยังคงปรับตัวอยู่ในกรอบแคบๆจากวันก่อน โดยเงินดอลลาร์ฯได้อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับค่าเงินส่วนใหญ่ในวันนี้ จากการประกาศตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค. และ ตัวเลขดัชนีกิจกรรมการผลิตของฝ่ายจัดซื้อเขตชิคาโกเดือน ส.ค.ที่ลดลงไป ซึ่งได้ทำให้มีการขายเงินดอลลาร์ฯออกมา อย่างไรก็ตาม แรงซื้อเงินดอลลาร์ฯจากกลุ่มผู้นำเข้าโดยเฉพาะบริษัทน้ำมัน ได้ทำให้เงินดอลลาร์ฯไม่อ่อนค่าลงไปมากนัก

Yen/USD
เงินเยนแข็งยังคงค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเงินดอลลาร์ฯได้รับแรงกดดันจากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค.ของ Conference Board ที่ลดลงไปอยู่ที่ 98.2 จุด จาก 105.7 จุด ในเดือน ก.ค. โดยต่ำกว่าที่ตลาดได้คาดไว้ที่ระดับ 103.5 จุด นอกจากนั้นตัวเลขดัชนีกิจกรรมการผลิตของฝ่ายจัดซื้อเขตชิคาโกในเดือน ส.ค. ก็ได้ลดลงสู่ 57.3 จุด จาก 64.7 จุด ในเดือน ก.ค. นอกจากนั้นนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงชะลอการซื้อขายก่อนการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขผลสำรวจการผลิตประจำเดือน ส.ค.ของสถาบัน ISM ในวันนี้ และ ตัวเลขการจ้างงานเดือน ส.ค.ที่จะประกาศในวันศุกร์

USD/Euro

เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินยูโรเช่นเดียวกัน โดยการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอได้ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ขายเงินดอลลาร์ฯออกมา นักลงทุนจะรอดูการประกาศตัวเลขผลสำรวจการผลิตประจำเดือน ส.ค.ของสถาบัน ISM ที่จะประกาศในวันนี้ โดยคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลงไปสู่ 60.0 เมื่อเทียบกับ 62.0 เมื่อเดือน ก.ค.

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 12,589.35 ล้านบาท เพิ่มจากวันก่อนร้อยละ 45.3 โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรส่วนใหญ่ต่างปรับตัวลดลงในวันนี้ ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวส่วนใหญ่ได้ปรับตัวลดลงไปตั้งแต่ -1 ถึง 1-5 bps. โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 5 ปีลดลงไปมากที่สุดถึง -5 bps.

US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรของสหรัฐฯ ในวันอังคารที่ 31 สิงหาคม ได้ปรับตัวสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนของ US 10 Years Treasury Bond ได้ลดลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน หลังจากที่ได้มีการประกาศตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสำนักงาน Conference Board และตัวเลขดัชนีกิจกรรมการผลิตของฝ่ายจัดซื้อเขตชิคาโกในเดือน ส.ค. ที่ลดลงไปมากกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้หากว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ส.ค.ที่จะประกาศในวันศุกร์ออกมาต่ำกว่าที่ได้คาดไว้ ก็จะเป็นการสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมากในปีนี้