รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 27 กันยายน 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยในวันจันทร์ที่ 27 กันยายน ปิดตลาดลดลงไปอยู่ที่ 646.78 จุด ลดลง 7.82 จุด หรือร้อยละ 1.2 มูลค่าการซื้อขายที่ 1.47 หมื่นล้านบาท โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และขนส่ง จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันในตลาดโลกซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้น

– ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวลดลงจากวันศุกร์ที่ผ่านมา 44.94 จุด หรือร้อยละ 0.34 ไปปิดที่ 13,021.9 จุด โดยได้รับปัจจัยลบจากการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยนักลงทุนได้ขายหุ้นดังกล่าวออกมาเพื่อทำกำไรหลังจากที่ราคาได้เพิ่มขึ้นไปอย่างมาก

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงเป็นวันที่เจ็ดติดต่อกัน ไปปิดที่ 10,859.32 จุด ลดลง 35.84 จุด หรือร้อยละ 0.33 โดยความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ได้ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวลดลง นอกจากนั้นการประกาศดัชนีสำรวจภาวะธุรกิจไตรมาสเดือน ต.ค. -ธ.ค.ที่ลดลงจากไตรมาสก่อน ได้ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ และหุ้นอิออนปรับตัวลดลง และกดดันการซื้อขายในวันนี้

– ตลาดหุ้น Dow Jones ในวันศุกร์ที่ 24 กันยายน ปิด ตลาดเพิ่มขึ้น 8.34 จุด หรือร้อยละ 0.08 ไปอยู่ที่ 10,047.24 จุด โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มบลูชิพ หลังจากการประกาศยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ส.ค. ที่ไม่รวมอุปกรณ์คมนาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นเกินความคาดหมาย อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น และแรงขายหุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้ปรับตัวขึ้นไปไม่มากนัก

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้แข็งค่าขึ้นไปเมื่อเทียบกับค่าเงินบาท, เยน และ ยูโร โดยอยู่ที่ระดับ 41.477 บาท/ดอลลาร์ฯ , 110.82 เยน/ดอลลาร์ฯ และที่ 1.226 ดอลลาร์ฯ/ยูโร ตามลำดับ

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดลดลงไปอยู่ที่ 646.78 จุด ลดไป 7.82 จุด หรือร้อยละ 1.2 มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่ 14,701 ล้านบาท โดยตลาดได้ปรับตัวลดลงไปตั้งแต่ในช่วงเช้า โดยได้มีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ สื่อสาร และขนส่ง นอกจากนั้น ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการปรับลดลงของตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค จากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปอยู่เหนือ 49 ดอลลาร์/บาร์เรล

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงในวันนี้ โดยปิดที่ระดับ 10,859.32 จุด ลดลงไป 35.84 จุด หรือร้อยละ 0.33 โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นกลุ่มสายการบินขนาดใหญ่ จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นการประกาศตัวเลขดัชนีผลสำรวจภาวะทางธุรกิจ สำหรับช่วงไตรมาสเดือน ต.ค.-ธ.ค.ที่ 9.5 ซึ่งลดลงจากไตรมาสก่อนซึ่งอยู่ที่ 12.9 ได้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจภายในประเทศ และได้ส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ทั้ง 4 แห่ง และหุ้นอิออน ปรับตัวลดลงไป

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงไปอยู่ที่ 13,021.9 จุด ลดลงไป 44.94 จุด หรือ ร้อยละ 0.34 โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งนักลงทุนได้เทขายหุ้นดังกล่าวเพื่อทำกำไรหลังจากที่ราคาได้ปรับขึ้นไปอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนั้นความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่กดดันการซื้อขาย

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยได้เพิ่มขึ้นไป 8.34 จุด หรือ ร้อยละ 0.08 ไปปิดที่ 10,047.24 จุด โดยราคาหุ้นในกลุ่มบลูชิพได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการประกาศยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ซึ่งไม่รวมอุปกรณ์ด้านคมนาคมที่สูงเกินคาดในเดือน ส.ค. อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทำให้ปรับตัวขึ้นไปไม่มากนัก โดยราคาน้ำมันดิบที่ตลาด NYMEX ได้ปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขายที่ 48.88 ดอลลาร์/บาร์เรล

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลงไปเล็กน้อย โดยอยู่ที่ 1,879.48 จุด ลดลงไป 6.95 จุด หรือ ร้อยละ 0.37 โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของหุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ หลังจากที่บริษัทฟิลิปส์ได้คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมดังกล่าวจะมีการขยายตัวที่ลดลงในปีหน้า

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาทได้อ่อนค่าลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยได้มีแรงซื้อดอลลาร์ฯเข้ามาจากบริษัทญี่ปุ่นเพื่อโอนย้ายเงินทุนก่อนปิดงบบัญชีรอบสิ้นปีในเดือนนี้ นอกจากนั้นแล้วเงินบาทได้อ่อนค่าลงไปตามทิศทางของค่าเงินเยน และ เงินส่วนใหญ่ในภูมิภาคซึ่งได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันในตลาดโลกซึ่งได้ปรับตัวขึ้นไปอยู่เหนือ 49 ดอลลาร์/บาร์เรล

Yen/USD
เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้แข็งค่าขึ้นไปเมื่อเทียบกับเงินเยน โดยค่าเงินเยนได้รับแรงกดดันจากการที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี การที่มีคำสั่งขายดอลลาร์ฯจากผู้ส่งออกได้ทำให้ค่าเงินยังคงปรับตัวอยู่ในกรอบแคบ นอกจากนั้น นักลงทุนยังต้องการชะลอการซื้อขายเพื่อรอดูตัวเลขทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม, ตัวเลขการว่างงาน,ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน ส.ค. และตัวเลขผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคเอกชนรายไตรมาสของธนาคารกลางญี่ปุ่น เพื่อรอดูแนวโน้มของเศรษฐกิจญี่ปุ่นต่อไป

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้กลับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโร หลังจากที่ได้อ่อนค่าลงไปในช่วงแรกจากรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ส.ค.ที่ลดลงร้อยละ 0.5 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนได้หันมาพิจารณาตัวเลขดังกล่าวในเชิงบวก โดยพบว่าหากไม่นับตัวเลขสินค้าภาคคมนาคมแล้ว ตัวเลขดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 2.3 ซึ่งสูงกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้ นอกจากนั้นการปรับทบทวนตัวเลขคำสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือน มิ.ย.และ พ.ค.ก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ฯ

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 7,898.04 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนร้อยละ 10 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรส่วนใหญ่ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้นและระยะกลางได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปตั้งแต่ 1 ถึง 4 bps.

US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ที่ 24 กันยายน ได้ปรับตัวลดลงไป โดยนักลงทุนได้เกิดความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ได้คาดการณ๋ไว้ หลังจากที่มีการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนั้นราคาพันธบัตรยังได้รับแรงกดดันจากการประกาศยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ส.ค.ที่ไม่นับรวมสินค้าภาคคมนาคม ซึ่งสูงขึ้นกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้