ทรู ร่วมกับ วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล ทุ่มทุน 40 ล้านบาท แนะนำ Auto Debit ให้บริการชำระค่าใช้จ่ายบริการกลุ่มทรู ผ่านบัญชีบัตรเครดิตวีซ่าแบบไม่จำกัดวงเงิน อำนวยความสะดวกและตอบสนองไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่เปลี่ยนไป ด้วยการสมัครแสนง่าย ผ่าน 3 ช่อง ทางหลัก พร้อมรับของกำนัลและสิทธิพิเศษมากมาย มั่นใจฐานลูกค้าเดิมถูกใจ และขยายฐานลูกค้าใหม่ได้อีกเป็นจำนวนมาก
นายชิตชัย นันทภัทร์ ผู้อำนวยการบริหาร Home/Consumer Solution & High Speed Access บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันกลุ่มทรูผู้ให้บริการสื่อสารเต็มรูปแบบรายเดียวในประเทศไทย ได้นำเสนอบริการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น บริการโทรศัพท์พื้นฐาน( Fixed Line ) ทั้งโทรศัพท์บ้าน วีพีซีที บริการอินเทอร์เน็ต ทั้ง ไฮ-สปีด อินเทอร์เน็ต คลิกอินเทอร์เน็ต อีซี่ อินเทอร์เน็ต บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ออเร้นจ์ และ บริการ ยูบีซี ซึ่งมีลูกค้าจำนวนมากที่ใช้บริการของกลุ่มทรู มากกว่าหนึ่งรายการ ทำให้ในแต่ละเดือนได้รับบิลค่าแจ้งบริการมากกว่า 1 ใบ ซึ่งต้องเสียเวลาและยุ่งยากในการชำระเงินให้ครบแต่ละแห่ง ดังนั้น ทรู จึงจับมือกับ วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดให้บริการ Auto Debit เพื่อให้ลูกค้าชำระค่าบริการต่างๆ อัตโนมัติผ่านบัตรเครดิตวีซ่า โดยมั่นใจว่าจะมีฐานลูกค้าเดิมสมัครเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก
การร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่เป็นผู้นำตลาดบัตรชำระเงินอย่างวีซ่า ที่มีฐานลูกค้ามากกว่า 4 ล้านรายในประเทศไทย ในการเปิดให้บริการ Auto Debit ครั้งนี้ เชื่อว่าจะตอบสนองความต้องการและเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าของทรูที่ใช้บริการของ ทรู ทั้งโทรศัพท์บ้าน วีพีซีที ทรูอินเทอร์เน็ต โทรศัพท์ออเร้นจ์ และยูบีซีทั่วประเทศ ทั้งหมด ซึ่งผู้ถือบัตรวีซ่าสามารถชำระค่าบริการต่าง ๆ ในแต่ละเดือนได้อัตโนมัติ มีความถูกต้อง และสามารถตรวจสอบยอดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้ เป็นการอำนวยความสะดวกรวดเร็ว อีกทั้ง ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไม่ต้องเสียเวลาเข้าคิวชำระค่าบริการด้วยตัวเอง ” นายชิตชัย กล่าว
นายสมบูรณ์ ครบธีรนนท์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า วีซ่ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการร่วมเป็นพันธมิตรกับทรู ในการนำเสนอบริการ Auto Debit ในครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของการให้บริการชำระค่าบริการรายเดือนที่ครอบคลุมการบริการด้านการสื่อสาร บริการเคเบิลทีวีและบริการอินเทอร์เน็ต ของกลุ่มบริษัทในเครือทรูอย่างครบวงจร และสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้ นอกจากลูกค้าในส่วนของกลุ่มทรูแล้ว กลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรวีซ่าทั้งเก่าและใหม่ ก็ได้รับสิทธิประโยชน์และความสะดวกนี้ด้วยเช่นกัน
การเปิดให้ชำระค่าบริการหักบัญชีบัตรเครดิตวีซ่าในครั้งนี้ สอดคล้องกับแนวโน้มการใช้บริการชำระค่าใช้จ่ายรายเดือนแบบต่อเนื่อง หรือที่เรียกว่า Recurring Payment ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเห็นได้ชัดจากอัตราการเติบโตของการใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่า ในหมวด Recurring Payment ในไทยที่เพิ่มขึ้นถึง 200 % ในช่วง 12 เดือนจนถึงสิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2547 อัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นปรากฎการณ์นี้เป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคคำนึงถึงประโยชน์ที่ได้รับจากบริการดังกล่าว ซึ่งได้แก่ความสะดวกและรวดเร็วในการชำระเงิน โดยสามารถประหยัดเวลาในการเดินทางและเข้าคิวเพื่อรอจ่ายค่าบริการ ตลอดจนสามารถตรวจสอบยอดใช้ได้ก่อน
นายสุพจน์ มหพันธ์ รองผู้อำนวยการ หัวหน้าสายงาน Treasury Operations บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การให้บริการในครั้งนี้ มุ่งเน้นเรื่องความ สะดวกสบายของลูกค้าที่ใช้บริการเป็นหลัก ตั้งแต่การสมัครเข้าร่วมรายการ ที่สามารถสมัครได้ง่ายๆ ผ่าน 3 ช่องทางตามความสะดวกของลูกค้า
ทั้งทางเว็บไซด์ ได้แก่ www.truecorp.co.th , www.trueinternet.co.th , www.orange.co.th และ www.ubctv.com
หรือโทรสมัครผ่าน Call Center ของกลุ่มบริษัทในเครือทรู โทร 0-2900-9000, ออเร้นจ์ โทร 1331 ยูบีซี โทร. 0-2271-7171
หรือกรอกใบสมัครส่งทางไปรษณีย์ หรือกรอกใบสมัครส่งที่ True Shop , Orange Shop ทุกสาขา โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
นอกจากนั้นยังมีการมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าที่สมัคร บริการชำระค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตวีซ่าตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มกราคม 2548 ได้รับสิทธิพิเศษ 2 ส่วนด้วยกัน ทั้งรับฟรีกระเป๋าดีไซน์พิเศษ และเสื้อยืด Winnie & The Pooh พร้อมรับส่วนลดพิเศษสินค้าบริการในเครือทรู ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้
ด้านกลยุทธ์ทางการตลาด นายสุพจน์ กล่าวว่า กิจกรรมทางการตลาดนี้ มุ่งใช้การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการทรู และลูกค้าบัตรวีซ่าโดยตรง อาทิเช่น Newsletter และใบแทรกในใบแจ้งค่าบริการต่างๆ ในกลุ่มทรู รวมทั้งของสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกของวีซ่าทุกแห่ง ซึ่งรวมแล้วน่าจะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากกว่า 6 ล้านรายทั่วประเทศ โดยได้ตั้งงบสื่อสารการตลาดไว้ทั้งสิ้นกว่า 40 ล้านบาท นายสุพจน์กล่าวในที่สุด
