เกียรตินาคิน ผ่านเกณฑ์พร้อมเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ (Commercial Bank) พร้อมยกระดับสำนักอำนวยสินเชื่อ 15 แห่งเป็นสาขาเต็มรูปแบบ เปิดบริการกลางปีหน้า เป็นต้นไป พร้อมระบุเรามีสินทรัพย์และเงินทุนที่เพียงพอที่จะขยายสินเชื่อได้ เผยบีไอเอสกว่า 25% ส่วนแนวโน้มธุรกิจปีนี้คาดสินเชื่อโตไม่ต่ำกว่า 50% อีกทั้งมั่นใจภายในองค์กรมีความพร้อมสูง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเห็นชอบให้ บริษัทเงินทุน เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ดำเนินการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ ตามที่ขอมาตามบันทึกวันที่ 15 ธันวาคม นี้ โดยให้ดำเนินการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ตามแผนที่ขอไว้ ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี พร้อมกันนี้ให้คืนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจเงินทุนของ เกียรตินาคิน และรัตนทุน แก่กระทรวงการคลัง เมื่อเปิดดำเนินการเป็นธนาคารเต็มรูปแบบ
นายสุพล วัธนเวคิน ประธานกรรมการ บริษัทเงินทุน เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เกียรตินาคินเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ (Commercial Bank) โดยเราจะเน้นธุรกิจ ที่มีความเชี่ยวชาญคือ สินเชื่ออุปโภคบริโภค สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและสินเชื่อพาณิชย์กรรมและอุตสาหกรรม ในบางธุรกิจ เช่น ธุรกิจขนส่ง บรรจุภัณฑ์ และสิ่งพิมพ์
เรามีเงินกองทุนที่เพียงพอที่จะขยายสินเชื่อได้ ขณะนี้เรามีสินทรัพย์ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท และมีเป้าหมายที่จะขยายเป็น 1 แสนล้านบาทใน 3 ปีข้างหน้า”
นอกจากนี้ มีบริการด้านอื่นๆ เช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์ทั่วไปโดยมีการบริการเงินฝากประเภทออมทรัพย์ กระแสรายวัน และฝากประจำ ให้กับลูกค้าจากเดิมและลูกค้าทั่วไป โดยสำนักอำนวยสินเชื่อของ KK จะยกระดับเป็นสาขาเต็มรูปแบบ เพื่อระดมเงินฝาก และการให้บริการแก่ลูกค้า และจะขยายสาขาให้ครอบคลุมจังหวัดสำคัญของประเทศ หลังเปิดดำเนินการจะขยายบริการด้านเงินตราต่างประเทศ และการค้าระหว่างประเทศ โดยบริการที่จะขยายเพิ่มจากการรับฝากเงินนั้นจะพิจารณาตามความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก คุณสุพลกล่าวสรุป
เกียรตินาคินได้รับการจัดอันดับจาก TRIS ที่ระดับ A- เมื่อเดือนที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ นายธวัชไชย สุทธิกิจพิศาล ประธานสายงานสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย บริษัทเงินทุน เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมถึงความพร้อมภายในองค์กรที่จะปรับเปลี่ยนเป็นธนาคารเกียรตินาคินว่า เราได้เตรียมความพร้อมมาเป็นระยะๆ หลังจากที่ได้ส่งแผนกับแบงค์ชาติ โดยด้านบุคคลากรซึ่งนับว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ โดยเราได้จ้างที่ปรึกษาชั้นนำมาดำเนินการ เกี่ยวกับการพัฒนากระบวนการและระบบบริหารทรัพยากรบุคคล (Change Management) เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับพนักงานในการบริการลูกค้า ตลอดจนทำการปรับเปลี่ยนการทำงาน เพื่อให้เกิดความมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ ส่วนด้านไอทีเราสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากไม่ต้องรื้อถอนระบบเก่า แต่นำระบบใหม่มาใช้ได้เลย ในด้านระบบ Core Banking จะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2548 แน่นอน