เอชพีประกาศลงทุนกว่า 3 พันล้านเหรียญในระยะเวลา 3 ปี เสริมความเป็นผู้นำในตลาด Integrity Server ที่ใช้หน่วยประมวลผลไอเทเนียม 2

กรุงเทพฯ – 22 ธันวาคม 2547 – เอชพีประกาศลงทุนกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเวลา 3 ปีข้างหน้าเพื่อพัฒนา Integrity server ที่ใช้หน่วยประมวลผลไอเทเนียม 2 สู่ความเป็นผู้นำในตลาดของหน่วยประมวลผล RISC ซึ่งมีมูลค่าถึง 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

การลงทุนในครั้งนี้จะช่วยเสริมยอดขายที่สูงอยู่แล้วของ Integrity server ให้มากขึ้น โดยจะช่วยขยายขอบเขตของการวิจัยและการพัฒนา การออกแบบเซิร์ฟเวอร์และซอฟต์แวร์ระบบ โซลูชั่นที่เป็นแอพพลิเคชั่นที่พัฒนาโดยพันธมิตรธุรกิจของเอชพี รวมทั้งการตลาดและการขาย

พร้อมกันนี้ อินเทล คอร์ปอเรชั่นได้บรรลุข้อตกลงกับเอชพีในการจ้างทีมออกแบบหน่วยประมวลผลอินเทล? ไอเทเนียม? ของเอชพี ซึ่งประจำอยู่ที่ ฟอร์ท คอลลินส์ รัฐโคโลราโด เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับการสถาปัตยกรรมไอเทเนียมและยกระดับการพัฒนาหน่วยประมวลผลแบบมัลติคอร์และมัลติเธรด

ข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นเพื่อเร่งให้อุตสาหกรรมนำสถาปัตยกรรมของไอเทเนียมมาใช้แทนที่สถาปัตยกรรมเดิมๆ โดยเฉพาะในตลาดที่เป็นเป้าหมายของอินเทล อาทิ ตลาดที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC ตลาดที่ต้องใช้การประมวลผลทางเทคนิคที่มีสมรรถนะสูงและเมนเฟรม หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแถลงการณ์ในครั้งนี้ โปรดดูข่าวประชาสัมพันธ์ใน www.intel.com/pressroom

เอชพีคาดการณ์ว่า ยอดการขาย Integrity server ที่ใช้หน่วยประมวลผลไอเทเนียมจะเพิ่มมากกว่ายอดขายต่อหน่วยของ HP Business Critical Server ถึงครึ่งหนึ่งในช่วงสิ้นปี 2548 และเพิ่มมากกว่าร้อยละ 70 ในช่วงสิ้นปี 2549

คาร์ลี ฟิโอรินา ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอชพี กล่าวว่า “เนื่องจากเอชพีและอินเทลยังจะลงทุนด้านนวัตกรรมเซิร์ฟเวอร์และหน่วยประมวลผลไอเทเนียมต่อไป ดังนั้น Integrity server จึงเป็นอาวุธที่ “จำเป็นต้องมี” ในการแข่งขันและเพื่อเพิ่มคุณค่าให้แก่ลูกค้าของเอชพีทั้งในทศวรรษหน้าและต่อๆ ไป เอชพีและอินเทลจะร่วมกันสนับสนุนให้ ไอเทเนียมและ Integrity server เป็นเซิร์ฟเวอร์แพลทฟอร์มชั้นนำสำหรับการใช้งานในปริมาณมากๆ”

สตีฟ บัลเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “แถลงการณ์การลงทุนครั้งสำคัญของพันธมิตรหลักของเราคือเอชพีและอินเทลทำให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากความเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่องของไมโครซอฟท์ในการเสนอโซลูชั่นบน Windows Server 2003 และ SQL Server สำหรับ Integrity server ของเอชพีที่ใช้หน่วยประมวลผลไอเทเนียม 2 ไมโครซอฟท์ได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเอชพีและอินเทลในการพัฒนาโซลูชั่นชั้นนำของอุตสาหกรรมจำนวนมากที่เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการโซลูชั่นที่สามารถปรับรองรับปริมาณการใช้งานขนาดสูงสุดสำหรับแอพพลิเคชั่นสำหรับธุรกิจระดับไฮเอนด์ที่ต้องการการทำงานอย่างต่อเนื่องของระบบและโซลูชั่นสำหรับฐานข้อมูล”

เดฟ ไกเวอร์ รองประธานด้านเทคโนโลยี ประจำ พรีเมียร์ แบงค์การ์ด กล่าวว่า “HP Integrity server ที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์ วินโดวส์ตอบสนองความต้องการด้านข้อมูลทางธุรกิจของเราได้เป็นอย่างดี ขณะนี้ เราสามารถเพิ่มผลกำไรได้ถึงร้อยละ 30 ถึงกว่าร้อยละ 100 ซึ่งทำให้เราสามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้ดีขึ้นและรวดเร็วขึ้น รวมถึงรักษาอัตราการเติบโตรายปีที่ร้อยละ 8 เอชพีไม่เพียงแต่วางระบบและโซลูชั่นชั้นเยี่ยมพร้อมแอพพลิเคชั่นด้านข้อมูลธุรกิจตามที่เราต้องการ เอชยังมีทีมงานที่พร้อมให้การสนับสนุน มีความรู้และประสบการณ์ซึ่งพร้อมที่จะช่วยให้เราก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดเจนว่าเอชพีใส่ใจกับความสำเร็จของเราอย่างแท้จริง”

มีโซลูชั่นจากพันธมิตรที่ครอบคลุมมากกว่าเดิม

แผนของเอชพียังรวมถึงการร่วมลงทุนกับอินเทลในการเพิ่มพอร์ทฟอลิโอของแอพพลิเคชั่นจากผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระ (ISV) สำหรับ Integrity server และขยายโปรแกรมการวางตลาดของผู้จำหน่ายซอฟท์แวร์อิสระ ปัจจุบัน มีแอพพลิเคชั่นที่พร้อมเสนอแก่ลูกค้าแล้วมากกว่า 2,900 แอพพลิเคชั่น และคาดว่าจะเพิ่มเป็นมากกว่า 4,500 ในระหว่างปี 2548

ริช มาร์เซลโล รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจ Business Critical Servers ของเอชพี กล่าวว่า “เอชพีได้ร่วมมือกับพันธมิตรหลักในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นและโซลูชั่นเพื่อให้เป็นรากฐานที่แข็งแกร่งแก่ Integrity server โดยที่ ปัจจุบันเรากำลังเน้นการพัฒนาและให้สิ่งแวดล้อมด้านแอพพลิเคชั่นที่สมบูรณ์ในแบบที่ลูกค้าต้องการ โดยเฉพาะในตลาดที่เป็นเป้าหมายหลักซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจการสื่อสารโทรคมนาคม การให้บริการทางการเงิน งานภาครัฐ การแพทย์และอุตสาหกรรมการผลิต”

การลงทุนด้านเซิร์ฟเวอร์และการออกแบบซอฟท์แวร์ระบบ

ปัจจุบัน Integrity server ที่หลากหลายของเอชพีให้ราคาต่อประสิทธิภาพการทำงานที่เหนือกว่าคู่แข่งในระบบ RISC เมื่อเพิ่มการลงทุน นวัตกรรมของเอชพีด้านการออกแบบชิพเซ็ตและวิศวกรรมระบบยังคงเน้นให้ความสำคัญที่ประสิทธิภาพการทำงานชั้นนำ ความสามารถในการปรับขยายขีดความสามารถ และความพร้อมใช้งานที่เป็นเลิศในอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่ลูกค้ามากกว่าประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผล

นวัตกรรมการออกแบบเซิร์ฟเวอร์ของเอชพีครอบคลุมสายผลิตภัณฑ์ Integrity serverทั้งหมด โดยมีเป้าหมายที่จะขยายไปสู่ตลาดเซิร์ฟเวอร์แบบสองถึงสี่โปรเซสเซอร์ซึ่งมีการแข่งขันสูง ปัจจุบันกำลังมีการพัฒนาเซิร์ฟเวอร์ในระบบ UNIX? Windows? Linux และ OpenVMS ที่มีในราคาต่อประสิทธิภาพการทำงานและให้คุณค่าที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าที่อยู่ในตลาดดังกล่าว นอกจากนี้ เอชพียังมีแผนที่จะเปิดตัว NonStop server ที่ใช้หน่วยประมวลผลไอเทเนียมอีกด้วย

เอชพีเป็นผู้จัดจำหน่ายเพียงรายเดียวที่พร้อมเสนอเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ได้กับระบบปฏิบัติการ 4 แบบบนแพทฟอร์มเดียว และยังคงลงทุนสูงอย่างต่อเนื่องด้านซิสเต็มส์ซอฟท์แวร์สำหรับสิ่งแวดล้อมแบบ mission-critical ในฐานะผู้นำในตลาดระบบยูนิกซ์ เอชพีมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรม HP-UX IIi โดยเน้นให้ระบบปฏิบัติการ enterprise UNIX มีประสิทธิภาพด้าน virtualization ความพร้อมเรียกใช้งาน และความสามารถในการทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นสำคัญ เอชพียังคงร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับไมโครซอฟท์ในด้านเทคนิคเพื่อนำเสนอ แพลทฟอร์มที่เชื่อถือได้และปรับขยายประสิทธิภาพการใช้งานได้เพื่อแข่งขันกับเซิร์ฟเวอร์ RISC ยิ่งกว่านั้น เอชพียังได้สร้างทีมวิศวกรที่มุ่งมั่นพัฒนา Integrity server ที่ใช้ระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ให้ได้ประโยชน์สูงสุดอีกด้วย

ภายในเดือนหน้าคาดว่า จะมีการวางตลาด Integrity server ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ OpenVMS อย่างกว้างขวางขึ้น การวางตลาดครั้งนี้จะทำให้ฐานลูกค้าในระบบ AlphaServer ของเอชพีที่ทำงานบน OpenVMS ทั้งในตลาดสื่อสารโทรคมนาคม ตลาดหลักทรัพย์ และหน่วยงานรัฐบาล มีแพลทฟอร์มที่ทรงพลังสำหรับโซลูชั่นและแผนการเติบโต รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพระบบในระยะยาว

เทคโนโลยี virtualization ของเอชพีคือ พื้นฐานสำคัญของกลยุทธ์ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี Integrity server ยกตัวอย่างเช่น เอชพีคาดว่าจะสามารถวางตลาด virtual machine สำหรับ Integrity server ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2548 เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานเซิร์ฟเวอร์เสมือนจริงได้หลายตัวพร้อม ๆ กันบนหน่วยประมวลผลไอเทเนียมตัวเดียว เท่ากับเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเซิร์ฟเวอร์ให้ถึงขีดสุด ดังที่ได้เคยประกาศก่อนหน้านี้แล้ว เอชพีเสริมความแข็งแกร่งให้กับ HP Virtual Server Environment ด้วยการเสนอเครื่องมือในการจัดการระบบเพื่อเพิ่มและลด virtualization ให้กับระบบในสภาพแวดล้อมแบบหลายระบบปฏิบัติการ

เกี่ยวกับเอชพี

เอชพีเป็นผู้นำระดับโลกในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี โซลูชั่น และการให้บริการแก่ลูกค้าระดับคอนซูเมอร์และองค์กรธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และอุปกรณ์ต่อพ่วง การให้บริการครอบคลุมทั่วโลก และผลิตภัณฑ์ภาพและการพิมพ์ โดยสิ้นไตรมาสที่สี่ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2547 เอชพีมีรายได้รวมทั้งสิ้น 79,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอชพี ได้ที่ http://www.hp.com