การศึกษาว่าด้วยสแปมระดับโลกครั้งแรกบ่งชี้ลูกค้ามือถือกว่า 80% เคยได้รับสแปม

เซนต์ กัลเลน และ ซัก, สวิตเซอร์แลนด์–(บิสิเนส ไวร์)–9 ก.พ.2548 – กลุ่มความร่วมมือกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นตัวแทนของภาคอุตสาหกรรมและแวดวงวิชาการ ได้ประกาศผลการศึกษาจากการสังเกตทั่วโลกว่าด้วยการส่งข้อความที่ไม่พึงประสงค์ (สแปม) บนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งการศึกษาดังกล่าวมีชื่อว่า “เจาะลึกสแปมมือถือ, การศึกษาจากการสังเกตร่วมครั้งแรกของโลก” ได้มีการเปิดเผยในวันนี้ โดยมหาวิทยาลัยเซนต์ กัลเลน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และบริษัทอินทราโด (NASDAQ:TRDO) ซึ่งมีบีเอ็มดี ไวร์เลส เป็นบริษัทในเครือ

ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า สแปมซึ่งเป็นปัญหาที่รู้จักกันดีในโลกอินเทอร์เน็ตและอีเมล์จะแพร่ระบาดเข้าสู่โลกของโทรศัพท์มือถือมากขึ้น การศึกษาบ่งชี้ว่า มากกว่า 8 ใน 10 คนที่ใช้โทรศัพท์มือถือที่ถูกสำรวจ ได้เคยรับข้อความที่ไม่พึงประสงค์ และพวกเขามีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนค่ายโทรศัพท์มากกว่าที่จะเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์เพื่อจัดการกับปัญหา และจากการที่มีการร้องเรียนปัญหาเรื่องสแปมบนโทรศัพท์กันมากขึ้น ทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจมีความเห็นว่าการกำกับดูแลตนเองของผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่สำคัญที่สุดในการแก้ไขปัญหาสแปมบนโทรศัพท์มือถือ ด้วยความร่วมมือจากสหภาพสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) วัตถุประสงค์ของการศึกษาในครั้งนี้คือ การวิเคราะห์ความแตกต่างในด้านความเข้าใจเกี่ยวกับสแปมบนโทรศัพท์มือถือระหว่างผู้บริโภคและผู้ประกอบการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ และประเมินว่าปัญหาดังกล่าวได้รับการจัดการดีเพียงใด นอกจากนี้ การศึกษานี้ยังได้รวบรวมเอกสารเกี่ยวกับผลกระทบของสแปมบนโทรศัพท์มือถือที่มีต่อผู้บริโภคและเครือข่ายผู้ประกอบการ รวมทั้งระบุตัวแปรประจำภูมิภาค นับจากยุโรปกลาง, อเมริกาเหนือ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

จากการใช้แนวทางวิจัยเชิงเปรียบเทียบ การศึกษาครั้งนี้ได้วิเคราะห์มุมมองที่อิงจากการสำรวจผู้บริโภคที่ตอบคำถามครบถ้วนจำนวน 1,659 ราย และการสำรวจผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือจำนวน 154 ราย โดยการศึกษามีขึ้นในเดือนพ.ย.และธ.ค.2547 และการศึกษาฉบับนี้ยังรวมถึงผลลัพธ์ที่ได้จากเยอรมนี, สวิตเซอร์แลนด์, ออสเตรีย, แคนาดา, สหรัฐอเมริกา, สิงคโปร์, จีน และซาอุดิอาระเบียด้วย ผลการสำรวจที่สำคัญมีดังต่อไปนี้

— ผู้บริโภคทั่วโลกบ่งชี้ว่าสแปมบนโทรศัพท์มือถือมีผลกระทบทางลบต่อแบรนด์ของผู้ประกอบการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ (MNO) และผู้รับบริการจะยอมเปลี่ยน MNO ของตนมากกว่าที่จะยื่นขอหมายเลขโทรศัพท์ใหม่

— การร้องเรียนส่วนใหญ่เกี่ยวกับสแปมบนโทรศัพท์มือถือได้ถูกส่งตรงไปยัง MNO ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บริโภคยังเข้าใจว่าข้อความด้านการตลาดจากผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือคือสแปม

— ทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือต่างคาดว่าสแปมบนโทรศัพท์มือถือจะกลายเป็นปัญหามากยิ่งขึ้นในอนาคต โดย 83 % ของผู้ตอบแบบสอบถามในอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมมองว่า สแปมบนโทรศัพท์มือถือนับเป็นประเด็นที่สำคัญในทุกวันนี้หรือภายใน 1-2 ปีข้างหน้า

— ทั้งผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจมองว่าการกำกับดูแลตนเองของ MNO เป็นมาตรการที่สำคัญที่สุดในการจัดการกับปัญหาสแปม ส่วนมาตรการที่ลูกค้าเป็นฝ่ายคิดริเริ่มนั้น ได้รับการมองว่ามีประสิทธิภาพน้อยกว่า

— การยกเลิกข้อตกลงให้บริการนอกประเทศ (roaming) และการจัดตั้งสายด่วนเพื่อรับการร้องเรียนของผู้บริโภค เป็นมาตรการที่ได้รับการระบุถึงมากที่สุดที่ MNO ควรใช้ในการจัดการกับปัญหาสแปม

— ปัจจุบัน MNO ได้ตระหนักดีถึงผลกระทบของสแปมที่มีต่อผู้บริโภค อย่างไรก็ดี MNO ในขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงทดลอง โดยการใช้มาตรการเชิงรุก และทดสอบทางเลือกอื่นๆ ด้านเทคโนโลยีในการหลีกเลี่ยงสแปม

“สมาคมโทรศัพท์ระบบ GSM มีความยินดีต่อการศึกษาอย่างครอบคลุมเป็นครั้งแรกของปรากฎการณ์ที่เพิ่มขึ้นของสแปมบนโทรศัพท์มือถือ” นายทอม ฟิลิปส์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจการรัฐบาลและกฎระเบียบ สมาคมโทรศัพท์ระบบ GSM กล่าว “ขณะที่ไม่มีแนวทางแก้ไขเพียงหนึ่งเดียว ต่อปัญหาสแปม แต่ก็มีองค์ประกอบสำคัญหลายประการต่อแนวทางแก้ไขที่เป็นจริง ซึ่งรวมถึงการระบุตัวผู้ส่งสแปม โดยการปฏิเสธไม่รับเมล์จากผู้ที่ไม่ระบุชื่อ และการที่จะทำให้พวกเขาต้องจ่ายผ่านทางกลไกการเรียกเก็บเงินที่โปร่งใสและเหมาะสม”

นอกเหนือจากหลักฐานที่ได้จากการสังเกต, ผลการวิเคราะห์ และการสำรวจแล้ว การศึกษาในครั้งนี้ยังได้นำเสนอมาตรการสำหรับบริษัทต่างๆ ที่เน้นหนักในตลาดให้บริการด้านการสื่อสารเคลื่อนที่ และนำเสนอแง่มุมเจาะลึกเกี่ยวกับการพัฒนาในอนาคตที่มีความเป็นไปได้ และสิ่งบ่งชี้เกี่ยวกับสแปมบนโทรศัพท์มือถือที่มีต่อกลยุทธด้านผลิตภัณฑ์และการสื่อสาร

นอกจากนี้ จะมีการจัดการแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนในวันจันทร์ที่ 14 ก.พ.2548 ตั้งแต่เวลา 17.00-19.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นในงาน 3GSM ที่เมืองคานส์ เพื่อหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับการค้นพบ และจัดเตรียมเอกสารของการศึกษาให้แก่สื่อมวลชนที่สนใจ สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับผลการศึกษา “เจาะลึกสแปมมือถือ, การศึกษาร่วมครั้งแรกของโลก” สามารถดูได้ที่ www.mobilespam.org

เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยเซนต์ กัลเลน

มหาวิทยาลัยเซนต์ กัลเลน ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2441 ในฐานะสถาบันธุรกิจ เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยประเภทนี้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และมีชื่อเสียงในเขตที่พูดภาษาเยอรมัน ส่วนสถาบัน =mcminstitute ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2541 ด้วยการสนับสนุนของมูลนิธิ Bertelesmann และ Heinz-Nixdorf ได้สร้างชื่อเสียงขึ้นมาในฐานะศูนย์กลางระหว่างประเทศชั้นนำในด้านสื่อและการสื่อสารสำหรับการวิจัยและที่ปรึกษา ผู้สนใจต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถาบัน =mcminstitute และมหาวิทยาลัยเซนต์ กัลเลน สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.mcm.unisg.ch

เกี่ยวกับอินทราโด

อินทราโด อิงค์ (NASDAQ: TRDO) เป็นผู้จัดหาโครงสร้างพื้นฐานหลักของระบบสายด่วน 9-1-1 ในอเมริกาเหนือ และเสนอโซลูชั่นนวัตกรรมให้แก่ผู้จัดหาบริการด้านการสื่อสาร และองค์การด้านควบคุมความปลอดภัยสำหรับสาธารณชน รวมถึงการจัดการข้อมูลเชิงซ้อน, การทำธุรกรรมด้านเครือข่าย, การให้บริการข้อมูลด้านระบบสื่อสารไร้สาย และบริการแจ้งเตือน ส่วนบีเอ็มดี ไวร์เลส เอจี เป็นบริษัทในเครือของอินทราโด และเป็นผู้นำระดับโลกด้านการจัดหาระบบการส่งข้อความของเครือข่ายหลัก โดยผู้สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.intrado.com

ติดต่อ: เคทชัม พีอาร์ (ลอนดอน) สำหรับอินทราโด อิงค์

มาร์ค พินส์, +44-0-20-7611-3661

Mark.pinnes@ketchum.com

หรือ

เคทชัม พีอาร์ (สหรัฐฯ) สำหรับอินทราโด อิงค์

อเล็กซิส การ์เบฟฟ์, 415-984-6164

Alexis.garbeff@ketchum.com

หรือ

สถาบัน =mcminstitute, มหาวิทยาลัยเซนต์ กัลเลน สวิตเซอร์แลนด์

ทอร์สเทน บรอดท์, +41-71-224-27-72

mobile@unisg.ch