“ชาญอิสสระ”โชว์วิสัยทัศน์ผู้นำตลาดอสังหาฯปี’ 48 ชูจุดเด่น “คิดนอกกรอบ” เจาะตลาดลูกค้าเฉพาะกลุ่ม

ชาญอิสสระโชว์วิสัยทัศน์ครองตำแหน่งผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี’48 ประกาศตัวเป็นบริษัทอสังหาฯ ที่มีความคล่องตัวในการบริหารงาน ชูความแตกต่างของโครงการเป็นจุดขายและเน้นพัฒนาโครงการคุณภาพ เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีความพิเศษเฉพาะตัว ด้วยกลยุทธ์ “Think outside the box” ประกาศรุกเดินหน้าต่อธุรกิจให้เช่าอาคารสำนักงานและศูนย์การค้า พร้อมเตรียมขยายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอกด้วยการเพิ่มสินทรัพย์ในปีนี้

นายสงกรานต์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2548 นี้ บริษัทฯได้วางวิสัยทัศน์ชัดเจน ที่จะเป็นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความโดดเด่นในด้านการพัฒนาโครงการคุณภาพ โดยเน้นจุดขายด้านความแตกต่างของโครงการเพื่อที่จะเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะ (Niche Target) ซึ่งในขณะนี้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มความต้องการสไตล์ที่เน้นความแตกต่างและตอบสนองต่อรสนิยมได้มากยิ่งขึ้น

สำหรับกลยุทธ์การสร้างความแตกต่างของชาญอิสสระจะใช้แนวคิด “think out of the box” ซึ่งกรรมการผู้จัดการ บริษัทชาญอิสสระฯ ระบุว่า เป็นกลยุทธ์เฉพาะตัวที่เหมาะสมกับขนาดของธุรกิจที่เอื้ออำนวย และมีประสบการณ์ด้านอสังหาฯที่มีความหลากหลายและประสบความสำเร็จในมุมมองที่แตกต่างจากตลาดส่วนรวมมาก่อน

“การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนในการดำเนินงานที่ต้องการให้บริษัทฯเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีสไตล์ทีแตกต่างและมีความคล่องตัวในการบริหารงาน สามารถสร้างผลงานที่ดีมีคุณค่า ควบคู่ไปกับความสามารถในการทำกำไรที่ดี พัฒนาโครงการให้มีความแตกต่าง และความโดดเด่นไม่เหมือนใคร แต่ตรงใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มองหาความพิเศษเฉพาะตัว เหมือนลักษณะ “Think outside the box” ซึ่งทำได้เฉพาะองค์กรที่มีความคล่องตัวประสบการณ์ สามารถควบคุมได้ทุกอย่างแต่จะต้องมีการสนับสนุนที่ดีจากฝ่ายบริหาร และฝ่ายดำเนินการ ” นายสงกรานต์กล่าว

นายสงกรานต์กล่าวว่า จากการพัฒนาโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์ต่างๆของบริษัทชาญอิสสระฯที่ผ่านมา ตั้งแต่การเป็นผู้ริเริ่มพัฒนาโครงการอาคารชุดสำนักงาน และศูนย์การค้าในนาม ชาญอิสสระ 1 และเป็นนักพัฒนากลุ่มแรกที่รณรงค์ให้ใช้กฎหมาย “คอนโดมิเนียม” ในประเทศไทย การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังเฟส 3 ซึ่งเป็นโครงการที่บริหารโดยเอกชนรายแรก การเล็งเห็นคุณค่าการเพิ่มศักยภาพของที่ดินให้เกิดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ บนถนนพระราม 9 ในนามโครงการรอยัลซิตี้ อเวนิว (RCA)

หรือแม้แต่กระทั้งการเป็นบริษัท ที่มีมุมมองแตกต่างจากบริษัทพัฒนารายอื่นๆ ที่มุ่งไปพัฒนาโครงการที่พัทยา แต่ชาญอิสสระกลับหันไปพัฒนาที่ดินที่ชะอำด้วยโครงการชะอำบีชคลับ คอนโดมิเนียมพักตากอากาศ เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพ และความสวยงามของธรรมชาติ และการลงทุนที่ถูกกว่า รวมถึงการแข่งขันก็ยังมีน้อยอยู่ ซึ่งจากการดำเนินงาน ผลงาน และประสบการณ์ที่ผ่านมากว่า 30 ปีของชาญอิสสระที่พัฒนาโครงการที่แปลกใหม่ และแตกต่าง จึงเป็นเครื่องการันตีความสำเร็จของการมีมุมมองที่ต่างออกไปของชาญอิสสระ

สู่โครงการในปัจจุบันที่ยังคงเป็นผู้นำและสร้างความแตกต่าง

นายสงกรานต์ กล่าวเพิ่มว่า สำหรับการดำเนินงานของบริษัท ชาญอิสสระฯ ปัจจุบันในการพัฒนาโครงการที่มีความแตกต่าง ได้แก่ โครงการบ้านอิสสระ พระราม 9 บ้านเดี่ยวใจกลางเมืองของคนรุ่นใหม่ ที่ยังคงสร้างความโดดเด่น และแตกต่างโดยการออกแบบบ้านจากสถาปนิกชั้นนำ คือ A49 UKD และ TANDEM สอดคล้องกับการใช้ชีวิตที่ลงตัวและทันสมัยด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ Ga – Ya Gym ฟิตเนสในคลับเฮาส์ที่พร้อมด้วยอุปกรณ์ที่หลากหลายและทันสมัย บ้านอิสสระ พระราม 9 มีราคาเริ่มต้นที่ 18 – 40 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้งานก่อสร้างแล้วเสร็จกว่า 70% โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งโครงการประมาณปลายปี 2548

โครงการศรีพันวา ภูเก็ต วิลล่าสุดหรู บนปลายแหลมพันวา จังหวัดภูเก็ต ราคาเริ่มต้นที่ 1.5 – 4 ล้านเหรียญสหรัฐ จุดเด่นอยู่ที่ทำเลที่ตั้งโครงการที่สามารถมองเห็นวิวทะเลทั้งด้านตะวันตกและตะวันออก ซึ่งถึงแม้จะอยู่บนสันเขาแต่ก็มีชายหาดส่วนตัว การออกแบบบ้านที่คำนึงถึงธรรมชาติเพื่อให้กลมกลืนกับการอยู่อาศัย ซึ่งขณะนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างดีมากจากกลุ่มลูกค้าหลักที่เป็นชาวต่างประเทศโดยสามารปิดการขายในเฟสแรกไปได้แล้วกว่า 80% โครงการบ้านเพลินทะเล ชะอำ – หัวหิน เป็นคอนโดมิเนียม Low – Rise สูง 4 ชั้น 7 อาคาร ราคาเริ่มต้นที่ 2 – 17 ล้านบาท ติดชายทะเลหน้ากว้างถึง 65 เมตร สามารถรับลมทะเลได้ทุกพื้นที่ภายในห้องซึ่งเชื่อว่าทำเลที่ตั้งอย่างนี้นับวันจะหาได้ยากขึ้น

ในส่วนของโครงการอาคารสำนักงาน บริษัทก็ได้เป็นผู้ริเริ่มนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ที่นำเอาการเงินมาผสมกับ Real Estate จนกลายเป็น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์บางกอก (BKKCP) ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างดีจากนักลงทุนอยู่ในขณะนี้ โดยมีแผนที่จะขยายกองทุนให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงการมองหาอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพ

ในส่วนของธุรกิจให้เช่าอาคารสำนักงานได้แก่ อาคารชาญอิสสระ ทาวเวอร์ 2 ศูนย์การค้าและสำนักงานสูง 35 ชั้น ที่ได้ร่วมมือกับบริษัท มารุเบนิ จากประเทศญี่ปุ่นนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างเพียง 24 เดือน ปัจจุบันมีลูกค้าเข้าอยู่แล้ว 95% อาทิ บริษัท ซีเมนส์ จำกัด บริษัทเดอะแวลลู ซิสเตมส์ จำกัด และอาคารอิสสระเพลส อาคารสูง 6 ชั้น ติดกับชาญอิสสระทาวเวอร์ 2 ปัจจุบันมีผู้เช่าเข้าอยู่แล้ว 26% และในปี 2548 คาดว่าจะสามารถ เพิ่มอัตราการเข้าอยู่ได้เป็น 75% ในสิ้นปี 2548

นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของโครงการพัฒนาที่ดิน IRD ตั้งอยู่บนถนนเทพราช เป็นช่วงต่อจากถนนอ่อนนุช (สุขุมวิท 77) ไปทางทิศตะวันออกของสนามบินสุวรรณภูมิ ประมาณ 10 กิโลเมตร มีเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ ซึ่งปัจจุบันได้แบ่งขายไปแล้ว 384 ไร่เพื่อพัฒนาเป็นสนามโปโล สนามกอล์ฟ พร้อมที่อยู่อาศัย High End